Lanner Joy:  ยศชัย ชัยพรหมมา บทสนทนาของความธรรมดาและความโดดเดี่ยวเหมือนกันของร้านกาแฟและการวิ่งเทรล

เรื่องและภาพ: ปรัชญา ไชยแก้ว

“วิ่งเทรลกับทำร้านกาแฟคือมันเป็นอะไรที่โดดเดี่ยวเหมือนกัน อาจเพราะเราอยากจัดการอะไรที่มันจบในตัว”

หากใครผ่านไปผ่านมาในย่านสวนดอก คงคุ้นเคยหรือผ่านตากันมาบ้างกับ ‘inestinct25’ ร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ซ้อนอยู่ในซอยเชียงคำ แม้อาจจะไม่ใช่คาเฟ่นั่งชิลถ่ายรูปสวยแต่จุดเด่นสำคัญคือความเรียบง่ายในพื้นที่เล็ก ๆ พร้อมรูป ‘นกกระดาษ’ โลโก้ที่เป็นสื่อกลางในการให้กำลังใจและความหวัง 

“ผมชอบอะไรที่มันง่าย ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อน”

Lanner Joy ชวนรู้จักกับ ยศ-ยศชัย ชัยพรหมมา เจ้าของร้านมาดครึ่มแต่ใจดี ชาวดอยสะเก็ดที่ใช้ชีวิตเกิดและโตอยู่ที่เชียงใหม่ที่ไม่เคยมีสักวูบที่อยากออกจากเมืองนี้ นอกจากงานหลักอย่างการทำกาแฟและเครื่องดื่มอื่น ๆ แล้ว ยศยังชื่นชอบการ ‘วิ่งเทรล’ เป็นชีวิตจิตใจ กับฉายาที่เพื่อนฝูงต่างเรียกกัน “บาริสต้าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ดีกรีแชมป์ 4 รายการ กับระยะทางกว่า 5,021 กิโลเมตรที่เขาเคยพาดผ่าน แม้ยศเองจะไม่ค่อยชอบฉายาหรือการเป็นแชมป์เท่าไหร่ เพราะสิ่งที่ยศชอบก็คือความธรรมดาที่ง่ายเข้าไว้ มีชัยไปกว่าครึ่ง

อิงจากเว็บไซต์ ITRA (International Trail Running Association) ยศชัย ลงแข่งวิ่งเทรลมาแล้วกว่า 52 รายการ ได้แชมป์อันดับ 1 ทั้งหมด 4 รายการ ดังนี้ Kheknoi Ultra Trail 2024 ระยะ 102 กิโลเมตร, Altra Nanthaburi 2018 ระยะ 76 กิโลเมตร, Kheknoi Ultra Trail 2023 ระยะ 94 กิโลเมตร และ Pong Yaeng Trail 2023 ระยะ 109 กิโลเมตร ติด Top 3 ในการแข่งทั้งหมด 21 รายการ ระยะทางในการวิ่งกว่า 5021 กิโลเมตร 

สัมภาษณ์ในครั้งนี้อาจจะไม่ได้พูดถึงการเป็นแชมป์หรือเทคนิคใด ๆ ในการวิ่งเทรล แต่บทสนทนาในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความเรียบ ไม่หวือหวา ไม่มีวรรคตอนคมคายเหมือน What I Talk About When I Talk About Running ของฮารูกิ มูราคามิ ที่บอกผ่านไว้ในสวนอักษรของเขา

“…เมื่อใดที่ได้ประสบการณ์สยองขวัญ เราจะบันทึกบทเรียนจำได้ขึ้นใจ การเรียนรู้ส่วนใหญ่ในชีวิตมักจำเป็นต้องมีความเจ็บปวดทางเรือนกายเป็นเครื่องกระตุ้น…”

สนใจกาแฟมาตั้งแต่ตอนไหน

จริง ๆ เรื่องทำกาแฟเราก็ทำมาประมาณ 17-18 ปีแล้ว ก่อนมาทำร้านเคยเป็นพนักงานประจำอยู่ร้านกาแฟมาแล้ว 7-8 ปี อยู่ที่ร้าน Thom Artisan Coffee เป็นสาขาที่ขายกาแฟอยู่บนรถตู้ จอดอยู่ตรงบริเวณตรงข้ามคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนร้าน (inestinct25) ตอนนี้น่าจะเข้าปีที่ 10 เปิดตั้งแต่ปี 2558 จำได้ขึ้นใจเลยว่า 5 มิถุนายน 2558 ปีหน้า 10 ปีพอดี 

ส่วนที่เลือกมาเปิดตรงนี้ (สวนดอก) เป็นเพราะความบังเอิญ คือช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราออกจาก Thom Artisan พอดี ประจวบเหมาะกับวันหนึ่งเราจะไปเยี่ยมร้านกาแฟของเพื่อนที่รู้จักอยู่ในซอยโรงเรียนวัดสวนดอก ตอนนั้นเราขี่รถมาจากทางคูเมือง ช่วงนั้นรถติดพอดี เราจึงขี่มอเตอร์ไซค์หนีรถติดเข้ามาในซอยนี้ (ซอยเชียงคำ) ก็เลยมาเจอร้านนี้ซึ่งตอนนั้นมีป้ายติดว่าให้เช่า และพอผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่มีคนมาเช่า บวกกับที่เรามีฐานลูกค้าและความคุ้นเคยอยู่หน้าคณะเภสัชศาสตร์อยู่ก่อนแล้ว ก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับคนแถวนี้และวนเวียนอยู่แถวสวนดอก ก็เลยมาเช่าตรงนี้

ทำกาแฟมาเกือบ 20 ปี ชอบอะไรถึงอยู่ได้นานขนาดนี้ 

เอาตรง ๆ เราแค่อยากทำงานที่มันไม่ต้องใช้สมองเยอะ คือไม่ต้องคิดอะไรมากแค่ชง ๆ แล้วก็ขาย แต่ไม่ได้บอกว่าคนทำกาแฟคิดน้อยนะ แต่กระบวนการมันคนละแบบกับอาชีพอื่น ไม่ต้องคิดเชิงออกแบบ ไม่ต้องคิดคอนเซ็ปต์ ไม่ต้องคิดเชิงวิชาการ การทำกาแฟมันเป็นแพทเทิร์น ที่เราคุ้นชินและทำได้อยู่เรื่อย ๆ ส่วนร้านที่ทำอยู่เราอยากให้เป็นอะไรที่ง่าย ๆ ที่มันเป็นพื้นฐาน เหมือนปัจจัยในการดำรงชีวิต ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไรมาก อย่างเมนูในร้านก็มีแค่เมนูพื้นฐานทั่วไป เมนูแปลก ๆ ก็มีบ้าง แต่เราก็ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่เพราะสุดท้ายลูกค้าก็กลับมาที่พื้นฐาน

“อยากให้คนที่ผ่านมาแล้วรู้สึกว่าเข้ามาใช้บริการเข้ามากินได้ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมากไม่รู้สึกว่าเข้าถึงยาก เหมือนกินข้าวกลางวัน”

อย่างเมนูขายดีส่วนใหญ่ก็เป็นเมนูที่พื้นฐานมาก ๆ อย่างอเมริกาโน่ก็จะเป็นเมนูที่ขายดีที่สุด พวกเมนูที่พยายามจะทำแปลก ๆ เมนูพิสดารอะไรแบบเนี่ยเราพยายามคิดมาเราก็จะเห่ออยู่แปบ ๆ แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่อเมริกาโน่เย็นกันหมด (ฮา)

ลูกค้าส่วนใหญ่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่แล้วก็นักศึกษาคณะแพทย์ บางทีเราเห็นตั้งแต่สวมชุดนักศึกษาจนจบมาเป็นอาจารย์แล้วก็มี

แล้วการวิ่งเทรลเข้ามาในชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่? 

เราเริ่มวิ่งเทรลมาพร้อม ๆ กับการเปิดร้านแหละ ด้วยความที่เราอยู่ในสังคมการออกกำลังกายมาตั้งแต่วัยรุ่น เราก็วิ่งทางเรียบมาตลอด นอกจากวิ่งช่วงนั้นเพื่อน ๆ ก็ชอบปั่นจักรยานกันเราก็ไปปั่นจักรยานกับเพื่อน ๆ ทั้งปั่นทั้งวิ่ง แต่สมัยนั้นเขาปั่นจักรยานกันเยอะกว่า วิ่งไปปั่นมาก็มีโอกาสไปเจอกลุ่มเพื่อนที่วิ่งเทรลกันเราก็แบบเลยตามเลยก็เลยได้มีโอกาสมาวิ่งเทรล ตอนนั้นการวิ่งเทรลยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ อย่างงานวิ่งมาราธอนเมื่อก่อนจะมีปีละครั้งสองครั้ง 

“แต่ดูเดี๋ยวนี้สิ งานวิ่งมาราธอนมีแทบทุกอาทิตย์เลย”

จริง ๆ ตอนไปวิ่งเทรลก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก คือตอนเริ่มวิ่งเทรลครั้งแรกมีเพื่อนฝรั่งชวนไปวิ่ง เราก็คิดว่าสบาย ๆ แค่วิ่ง ๆ ไปก็น่าจะไหว แต่พอวิ่งไปได้ครึ่งทาง เส้นทางผาลาด-ดอยสุเทพ นี่แหละ หอบเป็นหมาเลย แต่เราเริ่มทำความเข้าใจกับมันได้เมื่อตอนที่ไปลงแข่งจริง ๆ ในงาน Columbia Trail Masters จำไม่ได้แล้วว่าปีไหนนานมากแล้ว 9 ปี 10 ปี แต่จำระยะได้ว่า 50 กิโลเมตร ตอนแรกเรามั่นใจอยู่เพราะว่าตอนวิ่งมาราธอนเราทำเวลาได้ดี เลยคิดว่าวิ่งเทรลน่าจะสบาย ไม่ยากมาก ก็กะว่า 50 กิโลเมตร เนี่ยก็ต่างจากมาราธอนอยู่ 8 กิโลเมตร (มาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร) ตอนนั้นเราก็คิดว่าวิ่ง 25 กิโลเมตรสองรอบ พอเริ่มวิ่งรอบแรกเนี่ยเราวิ่งเต็มที่เลยนะเหมือนมาราธอนปกติเลย แต่หลังจาก 25 กิโลเมตร คือหมดแรง วิ่งต่อไม่ได้ ตะคริวกิน ประมาณช่วง 20 กิโลเมตร สุดท้ายคือเดินอย่างเดียวเลย 

“พอไปถึงเส้นชัยคือนอนแผ่เลย หมดสภาพ ตะคริวกินทั่วร่าง ลุกไม่ได้ ก็เลยรู้ว่ามันต้องมาทำความเข้าใจใหม่ทุกอย่าง ต้องคุมความเร็วและจังหวะ วิ่งอัดอย่างเดียวไม่ได้ถ้าแรงเราไม่ถึง”

หลังจากนั้นก็เราก็เริ่มเรียนรู้และลงแข่งอีกครั้ง เราก็เอาประสบการณ์ตรงนั้นมาปรับใช้ว่าตรงไหนเดินได้เราก็เดิน ตรงไหนทางชันเราก็เน้นเดินเอา ตรงไหนทางลาดถ้าวิ่งได้เราก็วิ่ง เรารู้จักวิธีจัดการตัวเองมากขึ้น เหมือนค่อย ๆ หาจังหวะของตัวเอง

“เรารู้จักตัวเองรู้จักการปรับตัวเข้ากับเส้นทางมันก็ดีขึ้น”

เหตุที่เราชอบวิ่งเทรลหรือปั่นจักรยาน เพราะว่าเมื่อก่อนเราเคยเล่นกีฬามาหลายแบบอย่างบาสหรือฟุตบอลที่เป็นรูปแบบ ‘ทีม’ แต่เรารู้สึกว่าการเล่นแบบนั้นมันต้องปะทะมันบาดเจ็บเยอะมันกระทบกระแทกมากกว่าการเล่นกีฬาที่เล่นคนเดียว เราก็เลยเลือกที่จะมาวิ่งหรือปั่นจักรยานที่เป็นการออกกำลังกายคนเดียวมากกว่า

ภาพ: La Sportiva Thailand

แล้วเสน่ห์ของวิ่งเทรลคืออะไร (เห็นว่าไปเป็นแชมป์ด้วย)

วิ่งเทรลมันมีจังหวะของมัน มันต้องใช้การพลิกแพลง ต้องมีสมาธิจดจ่อในการวิ่งอยู่ตลอดเวลา บางทีก็ต้องกระโดดข้ามบ้าง หรือบางทีก็ต้องไต่หินบ้าง ต้องขึ้นเขาลงเขาที่มันมีอุปสรรคเยอะมาก ส่วนที่ได้แชมป์เรามองว่ามันเป็นเรื่องของจังหวะและเวลามากกว่า บางจังหวะบางเวลามันเอื้อกับเรา เราก็ได้แชมป์ 

“จริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นแชมป์มากขนาดนั้นนะ แค่ 4 สนามเองครับ”

อีกเรื่องคือมันเป็นเรื่องของโอกาสมากกว่าเพราะพอเริ่มเข้าวิ่งเรื่อย ๆ เนี่ย โอกาสมันก็เริ่มเข้ามามากขึ้น คนมันก็เข้ามาสนับสนุนมากขึ้น ทุกอย่างมันเอื้ออำนวยหมด จริง ๆ จะให้ไปวิ่งบนถนนหรือปั่นจักรยานก็ได้ แต่พอมาวิ่งเทรลแล้วมีโอกาสเข้ามาในชีวิตมากกว่า มันได้รับการสนับสนุนมากกว่า อย่างพวกข้าวของ รวมไปถึงมิตรภาพ พอเริ่มมีสังคมแล้วการวิ่งก็เริ่มสนุก มันทำให้พอได้เจอคนที่คิดอะไร ชอบอะไรคล้าย ๆ กันมันก็สนุก แถมในเชียงใหม่มันมีสนาม มีสถานที่ที่เอื้อต่อการวิ่งได้ดีด้วย มีสวนสาธารณะอย่าง สวนบวกหาด อะไรแบบนี้ให้คนมาใช้งานได้เยอะ แต่ที่อื่นนี่เห็นว่าคนต้องมาวิ่งกันริมถนนก็อันตราย

“เพื่อนที่มาจากต่างจังหวัดเค้าก็ชอบบอกว่าเชียงใหม่นี่ดีนะ มีภูเขาหลังบ้าน จะวิ่งขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ที่บ้านเขาไม่มี”

วิ่งเทรลด้วย ทำร้านด้วยเหนื่อยไหม? 

เอาจริง เหนื่อยนะเหนื่อยมาก ปกติเราเปิดร้านอยู่คนเดียวทุกอย่างเราก็จัดการคนเดียวหมด แล้วเวลาไปซ้อมหรือไปแข่งเราก็ต้องจัดการคนเดียวหมด มันเหนื่อยนะ แต่เหมือนเป็นอะไรที่ทำจนเป็นกิจวัตรเป็นชีวิตประจำวันไปแล้ว ชอบความทรมานตัวเองดี ดูหน้าพี่ตอนนี้ดิ (ฮา)

วิ่งเทรลกับทำกาแฟ เหมือนหรือต่างกันยังไง

ต่างกันตรงที่ร้านกาแฟมันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เป็นงานที่ต้องทำ เราทำเพื่อการยังชีพ ส่วนวิ่งมันเป็นกิจกรรมที่เราอยากทำ เรารู้สึกผ่อนคลายมากกว่า ไม่ได้กดดันเท่าทำร้าน ถึงวิ่งเทรลมันเหนื่อยสาหัสก็จริง แต่มันไม่ใช่ภาระที่ต้องแบก

“บางคนบอกว่าที่เราทำผลงานออกมาได้ดีเพราะซ้อมวิ่งหนัก แต่ว่าที่เราซ้อม เราซ้อมด้วยความผ่อนคลายไง” 

ส่วนที่เหมือนกันคือมันเป็นอะไรที่ ‘โดดเดี่ยว’ เหมือนกัน อาจเพราะเราอยากจัดการอะไรที่มันจบในตัวเองด้วยแหละ คือจริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากทำร้านคนเดียวหรอก แต่คือเราชอบให้มันจบด้วยตัวเอง ถ้าทำกับคนอื่นมันจะไม่ได้ดั่งใจ

อยากบอกอะไรกับคนที่เพิ่งเริ่มวิ่งเทรล

ลองมองเรื่องการออกกำลังกายก่อนว่าเราเป็นคนออกกำลังกายไหม หรือออกกำลังกายอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าชอบออกกำลังกายอยู่แล้วก็ลองเปลี่ยนสถานที่ดูบ้าง ลองเริ่มเปลี่ยนจากสวนสาธารณะเป็นเดินขึ้นเขาอะไรงี้ ต้องลองเปลี่ยนดู

เรื่องสังคมหรือคอมมิวนิตี้ มันต้องเริ่มจากการไปสถานที่จริง ๆ เลย แต่มันก็จะมีความยากง่ายในการเข้าถึงนะ อย่างที่เข้าถึงง่าย ๆ ก็อย่างที่เส้นทางผาลาดเลยเข้าถึงง่ายมีคนไปซ้อมกันอยู่ประจำ ให้เราลองไปเดินบ้าง วิ่งบ้าง ซ้อมบ้าง ลองไปเจอกันเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ ขยับความสัมพันธ์กันขึ้นไปเอง 

ส่วนเรื่องการเตรียมตัวเตรียมร่างกายหรือเตรียมอุปกรณ์นี่ไม่อยากให้คิดมากเลยครับ เตรียมแค่รองเท้าวิ่งง่าย ๆ แค่หนึ่งคู่ น้ำซักหนึ่งขวด ไม่ต้องคาดหวังอะไรมาก ไปแบบง่าย ๆเราไม่มีเทคนิคหรือเคล็ดลับอะไรหรอก แต่ลองก่อน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน

“ลองเริ่มดูก่อน ไปลองดูก่อน”

แผนที่ร้าน inestinct25

กองบรรณาธิการ Lanner เกิดและโตที่เชียงใหม่ มีความฝันบ้า ๆ ว่าอยากเป็นชาวประมง สอดส่องชีวิตผู้คนด้วยเลนส์ 576 ล้านพิกเซล และกลั่นกรองออกมาเป็นงานเขียน พบเจอได้ตามกิจกรรมทางการเมือง ที่ ลานท่าแพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง