วิเคราะห์สนามท้องถิ่นหลังเลือกตั้ง อบจ. 68 เกมจบ คนไม่จบ

เรื่อง: ปรัชญา ไชยแก้ว

ภาพ: วีรภัทร เหลาเกิ้มหุ่ง

หลังจากการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทั้งหมด 47 จังหวัด ซึ่งหากก่อนหน้านี้มีการเลือกตั้งนายก อบจ. ก่อนวาระเหตุการลาออกก่อนวาระของเหล่านายก อบจ. ไปแล้วทั้งหมด 29 จังหวัด โดยผลการเลือกตั้ง นายกอบจ. ใน 17 จังหวัดภาคเหนือนั้น พบว่ามีนายก อบจ. ที่ดำรงตำแหน่งต่ออีกหนึ่งสมัย 13 คน และมีนายก อบจ. หน้าใหม่ที่สามารถเอาชนะแชมป์เก่าได้ทั้งหมด 4 คน 

Lanner วิเคราะห์ภูมิทัศน์ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งท้องถิ่น 17 จังหวัดภาคเหนือ ว่านามสกุลใหญ่ยังคงรักษาฐานเสียงของประชาชนในพื้นที่ได้หรือไม่? พรรคการเมืองระดับชาติยังคงมีอิทธิพลในท้องถิ่นอยู่หรือเปล่า? มีใครบ้างที่ดำรงตำแหน่งมากว่า 3 สมัย ด้วยเหตุใดถึงยังมัดใจคนในพื้นที่ รวมไปถึงความเป็นไปได้กับการปฎิรูปท้องถิ่น เป็นไปได้หรือสิ้นสุดทางเดินต่อ?

หมายเหตุในรายงานชิ้นนี้จะใช้คำว่า ‘นายก อบจ.’ สำหรับคนที่มีการเลือกตั้งก่อนวาระ และจะใช้คำว่า ‘ว่าที่นายก อบจ.’ สำหรับคนที่มีการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ

นามสกุล-ตระกูลใหญ่ ยังอยู่ในกว่า 10 จังหวัดภาคเหนือ 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองท้องถิ่นหลายพื้นที่ ต้องอาศัยความสัมพันธ์เชิงบุคคลที่สามารถสร้างผลประโยชน์ในพื้นที่ได้ นามสกุลหรือตระกูล ก็เป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์เชิงบุคคลเหนียวแน่น และถูกเสนอว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มการเมืองในแทบทุกครั้ง

ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ มี นามสกุล-ตระกูล ที่มีอิทธิพลในการเมืองท้องถิ่นหลายตระกูลซึ่งมีอิทธิพลในแต่พื้นที่แตกต่างกันไป หากมากดูที่ตำแหน่งนายก อบจ. ทั้งหมด 17 จังหวัด จะพบว่ามีตระกูลที่มีอิทธิพลทางการเมืองในแต่ละจังหวัดถึง 10 ตระกูล ด้วยกัน ซึ่งนับแค่ตระกูลของนายก อบจ. และว่าที่ นายก อบจ. สมัยปัจจุบัน ดังนี้

ตระกูล ‘วันไชยธนวงศ์’ นามสกุลของ อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ว่าที่นภายก อบจ.เชียงราย สมัยที่ 2, อัครเดช วันไชยธนวงศ์ ว่าที่นายก อบจ.แม่ฮ่องสอน สมัยที่ 4 โดยวันไชยธนวงศ์เป็นเครือข่ายตระกูลใหญ่ในจังหวัดเชียงราย ที่มี สมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ อดีต สส. 6 สมัย เป็นต้นตระกูล โดยตระกูล วันไชยธนวงศ์ มีสัมพันธ์อันดีกับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย อย่างการเลือกตั้ง สส. ปี 2544 และ 2548  สมบูรณ์ ก็ลงสมัครและได้รับเลือกตั้งในนามพรรคไทยรักไทย ก่อนจะสมบูรณ์ ก็ย้ายมารวมงานกับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งปี 2554 

สมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ มีบุตรทั้งหมด 7 คน ซึ่งแทบทุกคนอยู่ในสนามการเมืองทั้งท้องถิ่นและระดับชาติ อย่าง นิมิต วันไชยธนวงศ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี, อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สมัยที่ 2, อัครเดช วันไชยธนวงศ์ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน สมัยที่ 4 และ สุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ สมบูรณ์ ยังมีศักดิ์เป็นอาของ อดุลย์ วันไชยธนวงศ์ อดีต สส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชาชน และ รังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ สส.เชียงราย พรรคภูมิใจไทย

‘วงศ์วรรณ’ ต้นตระกูลใหญ่จากจังหวัดแพร่ นามสกุลของ อนุวัธ วงศ์วรรณ ว่าที่นายก อบจ.แพร่ สมัยที่ 4 โดยตระกูลวงศ์วรรณมีต้นตระกูลการเมืองอย่าง ณรงค์ วงศ์วรรณ ที่เป็นทั้งนักการเมืองตำแหน่ง สส.แพร่ หลายสมัย และยังเป็นนักธุรกิจอุตสาหกรรมยาสูบ เป็นที่รู้จักในนาม เจ้าเมืองแพร่ ตระกูลวงศ์วรรณร่ำรวยมาจากอุตสาหกรรมค้าไม้ภายหลังการปฎิรูปการปกครองเมื่อปี 2475 นำโดย แสน วงศ์วรรณ บิดาของ ณรงค์ 

อนุวัธ วงศ์วรรณ

ทั้งนี้ ณรงค์ วงศ์วรรณได้วางรากฐานทางการเมืองให้แก่ลูกของเขาอย่างเหนียวแน่น อย่าง อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตนายก อบจ.ลำพูน อดีต สส.ลำพูน อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และยังมี อนุวัธ วงศ์วรรณ ว่าที่นายก อบจ.แพร่ สมัยที่ 4

ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ว่าที่นายก อบจ.ลำปาง สมัยที่ 2 มีต้นตระกูลที่มีบทบาททางการเมืองทั้งท้องถิ่นและระดับชาติอย่างมากในจังหวัดลำปาง โดยตระกูล ‘โล่ห์สุนทร’ มีต้นตระกูลอย่าง ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลชวน หลีกภัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และในรัฐบาลชวน หลีกภัย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง 8 สมัย 

ไพโรจน์ได้วางรากฐานทางการเมืองให้กับลูกของเขาอย่างเข้มแข็ง อย่าง ตัวของ ตวงรัตน์ ที่ก่อนจะมาลงเล่นในสนามการเมืองท้องถิ่น เคยเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กิตติ โล่ห์สุนทร อดีต สส.ลำปาง พรรคไทยรักไทย และ อดีต สส.พรรคพลังประชาชน และปัจจุบันในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และบุตรชายคนสุดท้องอย่าง ธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย 

ถัดมาในจังหวัดใกล้เคียงอย่างจังหวัดลำพูน ที่ วีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูน พรรคประชาชน ที่เอาชนะ อดีตนายก อบจ.คนเก่าอย่าง อนุสรณ์ วงศ์วรรณ ในการเลือกตั้ง อบจ. ที่ผ่านมา โดย วีระเดช นั้นเข้าร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่ปี 2561 โดยเขาเป็นบุตรของ ประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน และประธานหอการค้า จังหวัดลำพูน เขายังเป็นญาติกับ ชัยณรงค์ ภู่พิสิฐ อดีตรองประธาน ส.อบจ.ลำพูน และอดีตผู้สมัคร สส.ลำพูน พรรคไทยสร้างไทย

หากมาดูที่นายก อบจ.ตาก อย่าง อัจฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ โดยเธอนัดรับไม้ต่อจาก ณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกูลกิจ อดีตนายก อบจ.ตาก พ่อของ ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ อดีต สส.จังหวัดตาก ที่ปรึกษารมว.แรงงาน และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ น้องชายของ ธนัสถ์ อย่าง อานนท์ ทวีเกื้อกูลกิจ ก็ยังเป็นนายกเทศมนตรีเมืองตากในสมัยปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าตระกูล ‘ทวีเกื้อกูลกิจ’ นั้นมีตำแหน่งทั้งการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติครอบคลุมทั้งจังหวัดตากซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ถัดมาที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่มีนายก อบจ. 3 สมัย อย่าง สุนทร รัตนากร จากตระกูล ‘รัตนากร’ นั้นหากเทียบกับตระกูลที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ แต่ สุนทร นั้นมีน้องชาย อย่าง วราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีหลายตำแหน่งในสมัยของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร สส.กำแพงเพชร 7 สมัย ที่ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหากดูระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายก อบจ.กำแพงเพชรของ สุนทร บวกกับ การดำรงตำแหน่ง สส. ของวราเทพ อาจจะกล่าวได้ว่า พี่น้องตระกูล วราเทพ 2 คนนี้สามารถยึดพื้นที่การเมืองทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่นได้อย่างเหนียวแน่น

 กฤษฎ์ เพ็ญสุภา และ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์

โดยในจังหวัดพิจิตร ว่าที่นายก อบจ. อย่าง กฤษฎ์ เพ็ญสุภา ที่เอาชนะลุงของตนอย่าง กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ อดีตนายก อบจ.พิจิตร ซึ่งทั้งคู่อยู่ในตระกูล ภัทรประสิทธิ์ และ โดยกฤษฎ์ได้รับการสนับสนุนจาก ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรี ที่เป็นคนนำตระกูลภัทรประสิทธิ์เข้าสู่พรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ ประดิษฐ์นั้นเคยสนับสนุน กฤษฎา ในการหาเสียงจนเอาชนะการเลือกตั้ง อบจ. ปี 2563 แต่สุดท้ายก็มีการแตกคอกันเกิดขึ้น ส่งผลให้การเลือกตั้งล่าสุดประสิทธิ์จึงส่งหลานของตนลงแข่ง ซึ่งเป็นการแข่งขันกันในเครือญาติ 

ทั้งนี้ต้นตระกูล ภัทรประสิทธิ์ มี วิศาล ภัทรประสิทธิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร 2 สมัย สังกัดพรรคพัฒนาจังหวัด เป็นบิดาของประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ และวินัย ภัทรประ สิทธิ์ อดีต สส.พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา

เผด็จ นุ้ยปรี นายก อบจ.อุทัยธานี 4 สมัย ตัวแทนจาก “กลุ่มคุณธรรม” โดยเผด็จนั้นได้เริ่มต้นวางรากฐานทางการเมืองของตระกูลไว้เริ่มจากการที่ให้ ตรีพล นุ้ยปรี ลูกชายของตน นั่งใน ส.อบจ.อุทัยธานี อำเภอลานสัก ไพรลิน นุ้ยปรี ภรรยาของเผด็จ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี และยังมีคนนามสมกุล นุ้ยปรี อย่าง ตริณณุพล นุ้ยปรี นั่งตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งกล่าวได้ว่านามสกุลนุ้ยปรีนั้นยึดสนาม อบจ. ไว้เกือบทั้งหมด

อัคร ทองใจสด และ อัครเดช ทองใจสด

ตระกูล ‘ทองใจสด’ ของ อัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ 7 สมัย ตั้งแต่ปี 2540 นั้นมีอิทธิพลในพื้นที่ตั้งแต่ บิดาของตนอย่าง เอี่ยม ทองใจสด อดีต สส.เพชรบูรณ์ 10 สมัย โดยตัว อัครเดช กุมพื้นที่ทางการเมืองในท้องถิ่น ส่วนบิดาและลูกชายของตนอย่าง อัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ นั้นมีตำแหน่งในการเมืองระดับในพื้นที่ได้

พรรคการเมืองระดับชาติในสนามท้องถิ่นหลังเลือกตั้ง อบจ.

หากมาดูที่พรรคการเมืองระดับชาติในสนามการเมืองท้องถิ่นหลังจากการเลือกตั้ง อบจ. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือนั้นถือว่ามีบทบาทในการผลักดันผู้สมัครนายก อบจ. ทั้งในแง่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เปิดตัวในนามสมาชิกพรรค รวมไปถึงการสนับสนุนส่วนตัวแบบไม่เปิดเผยและความสัมพันธ์เชิงเครือญาติ จะพบว่าเกือบทุกจังหวัดนั้นมีการสนับสนุนในรูปแบบนี้ทั้งสิ้น

การเปิดตัวเป็นทางการของพรรคการเมืองระดับชาติในการเลือกตั้งสนามท้องถิ่นที่ผ่านมาพบว่ามีพรรคการเมืองทั้งหมด 2 พรรคที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้แก่ พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน โดยมี ว่าที่นายก อบจ. และ นายก อบจ. ทั้งหมด 7 คน ได้แก่ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ว่าที่นายก อบจ.เชียงใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่มีการสนับสนุนจากคนในพรรคจากล้นหลามรวมถึง ทักษิณ ชินวัตร, นพรัตน์ ถาวงศ์ ว่าที่นายก อบจ.น่าน สังกัดพรรคเพื่อไทย ที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย ให้การสนับสนุน,ธวัช สุทธวงศ์ นายก อบจ.พะเยา สังกัดพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในเครือข่ายของ ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พรรคกล้าธรรม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, อนุวัธ วงศ์วรรณ ว่าที่นายก อบจ.แพร่ 4 สมัย สังกัดพรรคเพื่อไทย, ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ว่าที่นายก อบจ.ลำปาง สังกัดพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของ ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีต สส.ลำปาง 8 สมัย, มนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย สังกัดพรรคเพื่อไทย และ วีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูน สังกัดพรรคประชาชน บุตรของ ประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน เข้าร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่ปี 2561

ซึ่งหากมาดูความสัมพันธ์ของนายก อบจ. และว่าที่ นายก อบจ.กับพรรคการเมืองระดับชาติจะพบว่าส่วนใหญ่ที่มีความในรูปแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะประกาศตัวในการเลือกตั้งว่า ‘อิสระ’ แต่หากสืบค้นความสัมพันธ์ที่มีการสนับสนุนส่วนตัวแบบไม่เปิดเผยและความสัมพันธ์เชิงเครือญาติก็จะพบว่ามีหลายคนที่อยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบนี้ทั้งหมด 10 คน โดยมีความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจ 6 คน พรรคพลังประชารัฐ 2 คน พรรคเพื่อไทย 2 คน และพรรคประชาธิปัตย์ 1 คน ดังนี้

อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ว่าที่นายก อบจ.เชียงราย สมัยที่ 2 มีบิดาอย่าง สมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ และ รังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยภายหลังการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงรายเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อนุวิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ได้ร่วมแสดงความยินดีต่อ อทิตาธร ที่สามารถดำรงตำแหน่งได้อีกสมัย

เช่นเดียวกับ อัครเดช วันไชยธนวงศ์ ว่าที่นายก อบจ.แม่ฮ่องสอน สมัยที่ 4 ที่มีบิดาอย่างสมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ และเป็นน้องชายของ อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ซึ่งสามารถสันนิษฐานได้ว่าเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม อัครเดช นั้นสนิทสนมกับสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ 

ชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายก อบจ.อุตรดิตถ์ สมัยที่ 3 ที่ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพรรคเพื่อไทย และ 3 สส. อุตรดิตถ์ สังกัดพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง นอกจากนี้ด้วยความที่ ชัยศิริ อยู่ในสนามการเมืองท้องถิ่นอุตรดิตถ์มานานทำให้เขาเคยสนับสนุนและเป็นฐานเสียงให้กับ ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ อดีต สส.อุตรดิตถ์ ที่ปัจจุบันมีการส่งไม้ต่อให้กับน้องชายอย่าง วารุจ ศิริวัฒน์ เป็น สส.อุตรดิตถ์

มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ และ จเด็ศ จันทรา 

มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายก อบจ.พิษณุโลก 3 สมัย นั้นคาดการณ์ว่าอาจจะได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย และเขาเองก็สนับสนุน สส.พรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน อย่างการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดพิษณุโลกเมื่อกลางปีที่ผ่านมา มนต์ชัย ได้ลงพื้นที่หาเสียงร่วมกับ จเด็ศ จันทรา สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย 

ถัดมาที่จังหวัดตาก อัจฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ นายก อบจ.ตาก ที่รับไม้ต่อมาจาก ณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกูลกิจ พ่อตา และมีสามีคือ ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ อดีต สส.จังหวัดตาก ที่ปรึกษารมว.แรงงาน และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งคาดการณ์ว่าการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยก็ให้การสนับสนุน

ถัดมาที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่มี สุนทร รัตนากร นายก อบจ.กำแพงเพชร สมัยที่ 3 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากน้องชายอย่าง วราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

กฤษฎ์ เพ็ญสุภา ว่าที่นายก อบจ.พิจิตร ที่เอาชนะ ลุงของตนอย่าง กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ โดยเขาได้รับการสนับสนุนจากประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรี ที่เป็นคนนำตระกูลภัทรประสิทธิ์เข้าสู่พรรคภูมิใจไทย 

สมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายก อบจ.นครสวรรค์ ได้รับการสนับสนุนในการหาเสียงจาก ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย และ ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่างชัดเจน ในการเลือกตั้งก่อนวาระในกลางปีที่ผ่าน 

เผด็จ นุ้ยปรี และ ชาดา ไทยเศรษฐ์

เผด็จ นุ้ยปรี นายก อบจ.อุทัยธานี สมัยที่ 4 เป็นตัวแทนจาก “กลุ่มคุณธรรม” เครือข่ายทางการเมืองใหญ่ในจังหวัดอุทัยธานี กำเนิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างชาดา ไทยเศรษฐ์ กับ “ตระกูลเหลืองบริบูรณ์” ตระกูลใหญ่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อลงเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลเมืองอุทัยธานี ก่อนจะขยายแนวรวมดึงเอาตระกูลทางการเมืองอื่น ๆ หรือคนการเมืองที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเข้ามาสังกัดหรือร่วมเป็นเครือข่ายกับกลุ่มคุณธรรม โดยกลุ่มคุณธรรมเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ผลักดันสำคัญให้ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองจนเติบโตขึ้นไปเป็นรัฐมนตรี 

อัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ 7 สมัย นั้นมีลูกชายคือ อัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยอัครเดช เป็นลูกชายของ เอี่ยม ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ 10 สมัย 

นายก อบจ. ที่ดำรงตำแหน่งมากกว่า 3 สมัยซ้อน สะท้อนอะไร?

มาดูที่นายก อบจ. ที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วมากกว่า 3 สมัยซ้อน หรือมากกว่า 10-15 ปี และบางคนก็ดำรงตำแหน่งมานานกว่า 20 ปี จะพบว่าในจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือมีทั้งหมด 7 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือ “บ้านใหญ่” ทั้งในแง่ของกลุ่ม และ ตระกูลการเมือง

*หมายเหตุภาพระบุว่านายก อบจ. เริ่มต้นในการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากเป็นปีที่มีการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น (ส.อบจ. และ นายก อบจ.) โดยตรงจากประชาชนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งนายก อบจ.บางคนดำรงตำแหน่งมาก่อนการเลือกตั้งในปี 2547

อย่าง อนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ ที่ดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ในสมัยที่ 4 ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงสมัยล่าสุด โดย อนุวัธ เป็นลูกชายคนโตของ ณรงค์ วงศ์วรรณ อดีต สส.แพร่ หลายสมัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และยังเป็นพี่ชายของ อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตนายก อบจ. ซึ่ง อนุวัธ นั้นสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยเป็น สส.พรรคไทยรักไทย จังหวัดแพร่ ช่วงปี 2548-2549 ก่อนกระโดดเข้ามาเล่นการเมืองท้องถิ่นในปี 2550 ด้วยความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่อดีตบอกกับการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2566 พรรคเพื่อไทยสามารถเอาชนะ สส.ได้ทั้ง 3 เขตในจังหวัดแพร่ ปัจจัยเหล่านี้อาจจะฐานที่ทำให้ อนุวัธ สามารถรักษาตำแหน่งนายก อบจ.แพร่ได้อีก 1 สมัย โดย อนุวัธ ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.แพร่ ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน 

ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน อัครเดช วันไชยธนวงศ์ สามารถรักษาตำแหน่งนายก อบจ. เป็นสมัยที่ 4 ในนามกลุ่มพลังแม่ฮ่องสอน ได้รับการสนับสนุนจาก ปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคกล้าธรรม และ ปัญญา จีนาคำ อดีต สส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ อัครเดช ไม่ได้มีพื้นฐานตระกูลมาจากพื้นที่อย่างแม่ฮ่องสอน แต่เป็นตระกูลที่มีอิทธิในจังหวัดเชียงราย โดย อัครเดช ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน 

ทรงศักดิ์ ปัญญา อาจารย์ประจำสาขาการปกครองท้องถิ่น วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน เผยว่า การเมืองในจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังอยู๋ในแนวคิดเชิงอุปถัมภ์ เนื่องจากในพื้นที่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานหลายด้าน ทำให้การเมืองยังคงยึดโยงกับตัวบุคคลที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับพื้นที่ได้ ด้วยเหตุนี้ อัครเดช สามารถสร้างผลงานให้เห็นเป็นประจักษ์มาได้มากกว่า 10 ปี รวมไปถึงการใช้ ‘การพัฒนาใหม่ๆ’ เป็นบุคลิกในการเล่นเมืองส่งผลให้เขาสามารถครองตำแหน่งได้อีก 1 สมัย

ชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายก อบจ.อุตรดิตถ์ สามารถดำรงตำแหน่ง นายก อบจ. ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ ชัยศิริ ได้เป็นนายก อบจ. อุตรดิตถ์ หลายสมัย แต่การเลือกตั้ง อบจ.อุตรดิตถ์ 2551 ได้แพ้ให้กับ พีระศักดิ์ พอจิต อดีต สว. แต่ในปี 2555 ชัยศิริ ก็พลิกชนะการเลือกตั้งอีกครั้งและครองตำแหน่ง นายก อบจ.ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ชัยศิริ ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด นี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งได้ในสมัยที่ 5 หากนับในสมัยที่ ชัยศิริ ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.อุตรดิตถ์ ต่อเนื่อง 3 สมัยซ่อน จะพบว่าเขาดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน 

มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายก อบจ.พิษณุโลก 3 สมัยซ้อน โดยการเลือกตั้งนายก อบจ. ก่อนวาระในปี 2567 สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง สิริพรรณ คุณประจักษ์นุกูล ที่ได้รับการสนับสนุนจากปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.พรรคก้าวไกล อย่างขาดลอยกว่า 1 แสนคะแนน โดยเส้นทางทางการเมืองของมนต์ชัยนั้นเริ่มต้นจากการเป็น อดีต สส.พิษณุโลก สังกัดพรรคพลังประชาชน เมื่อปี 2551 ก่อนก้าวเข้าสู่การเมืองท้องถิ่นในปี 2555 ซึ่งเขา ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.พิษณุโลก ตั้งแต่นั้นถึงปัจจุบัน 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระ หวังสัจจะโชค อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เผยว่า มนต์ชัย หาเสียงรอบนอกอำเภอเมืองอย่างจริงจังรวมไปถึงการมีเครือข่ายทางการเมืองที่เข้มแข็ง นอกจากภูมิทัศน์ของการพัฒนาในจังหวัดพิจิตรนั้นมองว่าการสร้าง ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ เป็นการพัฒนา นอกจากนี้จังหวัดพิษณุโลกยังมีความเป็นอนุรักษ์นิยม เนื่องจากเป็นจังหวัดกองทัพที่มีค่ายทหารอยู่ 4 ค่ายใหญ่ และค่ายทหารย่อยๆ อีกมากมาย

ในจังหวัดกำแพงเพชร นั้นมีนายก อบจ. ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2555 อย่าง สุนทร รัตนากร โดยเอาชนะ ธานันท์ หล่าวเจริญ ผู้สมัคร นายก อบจ. สมาชิกพรรคประชาชน และได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 โดยสุนทรนั้นเป็นพี่ชายของวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งปัจจุบันหันไปรวมกับขั้วพลังประชารัฐ ปัจจัยที่ทำให้ สุนทร สามารถเอาชนะเนื่องจากพื้นที่กำแพงเพชรนั้นประชากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ผนวกกับการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกเขต รวมไปถึงการเมืองในกำแพงเพชรยังคงยึดติดกับตัวบุคคล สุนทร ที่ทำงานในพื้นที่อย่างยาวนานก็สามารถหาคะแนนจากปัจจัยเหล่านี้ สุนทร ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.กำแพงเพชร ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน 

ถัดมาที่จังหวัดใกล้เคียงอย่าง อุทัยธานี ที่มีนายก อบจ. ที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วกว่า 4 สมัย อย่าง เผด็จ นุ้ยปรี ที่ในอดีตเคยเป็นหัวคะแนนใหญ่ให้กับ ศิลป์ชัย นุ้ยปรี อดีต สส.อุทัยธานี กระทั่งกระโดดเข้ามาเล่นการเมืองทางตรงในตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดอุทัยธานี (สจ.) และขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายก อบจ. เผด็จ เป็นตัวแทนจาก “กลุ่มคุณธรรม” เครือข่ายการเมืองใหญ่ในจังหวัดอุทัยธานี ที่สมาชิกกลุ่มต่างเข้าไปดำรงตำแหน่งในทุกภาคส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและสภานิติบัญญัติของจังหวัดอุทัยธานี โดยกลุ่มคุณธรรมเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองจนเติบโตขึ้นไปเป็นรัฐมนตรี โดย เผด็จ ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.อุทัยธานี ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน 

และจังหวัดสุดท้ายที่มี นายก อบจ.มากกว่า 3 สมัย คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่นายก อบจ. คนปัจจุบันอย่าง อัครเดช ทองใจสด ที่ดำรงตำแหน่งมาทั้งหมด 7 สมัย โดยการเลือกตั้งนายก อบจ. ก่อนวาระในปลายปี 2567 อัครเดช เอาชนะคู่แข่งด้วยคะแนนมากกว่าถึง 2 แสนคะแนน โดย อัครเดช นั้นเป็นลูกชายของ เอี่ยม ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ 10 สมัย ซึ่งทำให้เขาอยู่ในเครือข่ายตระกูลการเมืองในจังหวัดเพชรบูรณ์มาอย่างยาวนานผนวกกับการเป็นนายก อบจ.มาหลายสมัย นอกจากนี้อาจจะด้วยเหตุผลคล้ายกันในหลายจังหวัดอย่างการไม่มีการเลือกตั้งนอกเขตและเลือกตั้งก่อนกำหนด ทำให้ประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่ไม่สามารถมาเลือกตั้งได้ ซึ่งการเลือกตั้ง อบจ.เพชรบูรณ์ ที่ผ่านมามีคนมาเพียงประมาณ 3 แสนคน จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งสิ้น 774,862 คน โดย อัครเดช ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.เพชรบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2540 ถึงปัจจุบัน 

‘การปลดล็อคท้องถิ่น’ หลังการเลือกตั้ง อบจ.

หากยกคำอธิบายของ ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่อธิบายว่าทำไมเหล่าผู้สมัครนายก อบจ. ไม่ได้มีนโยบายด้านการปฏิรูปท้องถิ่นในการหาเสียง เพราะกลไกหลักในการปฏิรูปท้องถิ่นนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานของรัฐบาลมากกว่าอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณัฐกร ยังเสนออีกหนึ่งประเด็นนั้นก็คือ เหล่าผู้สมัคร นายก. หลายคนที่ไม่ได้ผลักดันเรื่องนี้เนื่องจากอยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาล หากมีการผลักดันเรื่องนี้ก็เหมือนเป็นการกดดันรัฐบาล จึงเลือกแต่นโยบายที่จับต้องได้ และนโยบายที่ตอบโจทย์คนในพื้นที่ชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ของการเลือกตั้ง 

ณัฐกร เผยว่านอกจากเหล่าผู้สมัครอิสระส่วนใหญ่นั้นไม่ต้องการมีปัญหากับรัฐบาล เนื่องจากหากได้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ. แล้ว การพัฒนาท้องถิ่นให้มีศักยภาพขึ้นต้องพึ่งพิงขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล จึงทำให้การผลักดันเรื่องปฏิรูปท้องถิ่นของเหล่าผู้สมัครอิสระเป็นไปได้ยากเช่นเดียวกัน

จากคำอธิบายข้างต้นมาผนวกกับข้อมูลของตระกูลใหญ่ทางการเมืองท้องถิ่น พรรคการเมืองระดับชาติในสนามท้องถิ่น และเหล่า นายก อบจ.หลายสมัย ที่ยกไปข้างต้น อาจจะกล่าวได้ว่าการปฎิรูปท้องถิ่นในการทำงานของนายก อบจ. ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ในสมัยปัจจุบันนี้มีโอกาสเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจาก นายก อบจ.และว่าที่นายกฯ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากพรรคเพื่อไทย กว่า 6 คน ผนวกกับ นายก อบจ.และว่าที่นายกฯ ที่สังกัดอิสระแต่ไม่ได้อิสระอย่างที่คิดทั้งหมด 10 คน จะเห็นอยู่แค่ในจังหวัดเดียวอย่างจังหวัดลำพูน ที่พรรคประชาชนส่งตัวแทนอย่าง วีระเดช ภู่พิสิฐ ลงเลือกตั้งและสามารถเอาชนะเลือกตั้งนายก อบจ. จังหวัดเดียวในประเทศ 

วีระเดช ภู่พิสิฐ เป็นว่าที่นายก อบจ.ลำพูน พรรคประชาชน โดยเขาเอาชนะอดีตนายก อบจ.คนเก่าอย่าง อนุสรณ์ วงศ์วรรณ ในการเลือกตั้ง อบจ. ที่ผ่านมา โดย วีระเดช นั้นเข้าร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่ปี 2561 โดยเขาเป็นบุตรของ ประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน และประธานหอการค้า จังหวัดลำพูน เขายังเป็นญาติกับ ชัยณรงค์ ภู่พิสิฐ อดีตรองประธาน ส.อบจ.ลำพูน และอดีตผู้สมัคร สส.ลำพูน พรรคไทยสร้างไทย

ด้านนโยบายในการทำงานในตำแหน่ง นายก อบจ. ของ วีระเดช นั้นค่อนข้างชัดเจนและถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการปฎิรูปท้องถิ่น โดยเขาเลือกใช้ กลไกของ ‘สภาพลเมือง’ ที่ให้ประชาชนจังหวัดลำพูนสามารถออกความเห็นในการเสนอโครงการต่อ อบจ. ได้ รวมไปถึงการร้องเรียนติดตามผลได้ในช่องทางออนไลน์ รวมไปถึงเปิดให้ประชาชนสามารถจองใช้ สนามกีฬา หอประชุม บนช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่าง นโยบาย ด้านการศึกษา ด้านคุณภาพชีวิต ด้าน รพ.สต. ด้านเกษตร ด้านการท่องเที่ยว และขนส่งสาธารณะ

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ในงานแถลงข่าวสรุปผลการเลือกตั้ง อบจ.ประชาชนทั่วประเทศ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ถึงการทำงานของพรรคประชาชนในจังหวัดลำพูน โดยมีการนำเสนอรายละเอียดนโยบายในระดับพื้นที่ ภายใต้ฐานข้อมูลการพัฒนาเมือง (City Data Platform) รวมทั้งข้อมูล GIS หรือข้อมูลเชิงพื้นที่ เช่น จุดกำเนิดไฟป่า พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ความกระจุกตัวของชุมชนหมู่บ้าน โครงข่ายถนน จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ซึ่งจะนำมาวิเคราะห์ในการจัดทำนโยบายในจังหวัดลำพูน ณัฐพงษ์ ได้ยกตัวอย่าง การยกระดับ รพ.สต. ให้สอดคล้องกับความกระจุกตัวของชุมชน เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆ ในจังหวัด รวมถึงการปรับปรุงถนนหนทางและไฟส่องสว่าง แก้ปัญหาน้ำท่วม สิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ฯลฯ

อาจจะต้องมาติดตามกันว่า วีระเดช ภู่พิสิฐ จะสามารถทำได้ตามนโยบายได้ไหมภายใต้งบประมาณและข้อจำกัดด้านกฎหมายที่มากมาย รวมไปถึงเหล่านายก อบจ. และ ว่าที่ นายกฯ คนอื่นๆ จะบริหารจังหวัดไปในทิศทางไหน ทิศทางการปฎิรูปท้องถิ่นจะเป็นไปได้ไหมหลังการเลือกตั้งท้องถิ่นสมัยนี้จบไป

ทั้งนี้ แม้การเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการนั้น จะเกิดขึ้นในวันที่ วันที่ 3 มีนาคม 2568 (ภายใน 30 วันจากวันเลือกตั้ง) นอกจากนี้ ในวันที่ 2 เมษายน ส.อบจ.ชุดใหม่ของทุกจังหวัด จะต้องเข้าปฏิญาณตนในที่ประชุมสภา อบจ. ก่อนเข้ารับหน้าที่ (ภายใน 30 วัน จากวันประกาศผลการเลือกตั้ง) รวมถึงนายก อบจ. คนใหม่ จะต้องแถลงนโยบายต่อสภา อบจ. โดยไม่มีการลงมติ ก่อนเข้ารับหน้าที่ (ภายใน 30 วัน จากวันประกาศผลการเลือกตั้ง) และผู้สมัครนายก อบจ. – ส.อบจ. ทุกคนต้องยื่นรายงานค่าใช้จ่ายในการหาเสียงต่อ กกต. (ภายใน 60 วัน จากวันเลือกตั้ง) ภายใน 2 พฤษภาคม 2568

กองบรรณาธิการ Lanner เกิดและโตที่เชียงใหม่ มีความฝันบ้า ๆ ว่าอยากเป็นชาวประมง สอดส่องชีวิตผู้คนด้วยเลนส์ 576 ล้านพิกเซล และกลั่นกรองออกมาเป็นงานเขียน พบเจอได้ตามกิจกรรมทางการเมือง ที่ ลานท่าแพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง