มช. ถอนฟ้องข้อหาทำให้เสียทรัพย์คดี ‘ทวงคืนหอศิลป์’ ก่อนเริ่มสืบพยานเฉพาะข้อหาบุกรุกฯ

9 ก.ย. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 และ 27-30 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเชียงใหม่นัดสืบพยานในคดีของ ทัศนัย เศรษฐเสรี, ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ สองอาจารย์ภาควิชา Media Art and Design คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ บัณฑิตจากสาขาวิชาเดียวกัน ในเหตุที่ถูกกล่าวหาข้อหาว่าได้ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และบุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ฯ จากกรณีที่อาจารย์และนักศึกษาของสาขาวิชาดังกล่าวได้ร่วมกันตัดโซ่คล้องประตูและเข้าไปในพื้นที่ของหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจัดแสดงงานศิลปะประจำปี ตามรายวิชาเรียน เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2564 

ในช่วงก่อนเริ่มการสืบพยานโจทก์ตามนัด เช้าวันที่ 23 ส.ค. 2567 พนักงานอัยการโจทก์, อัศวิณีย์ หวานจริง ผู้รับมอบอำนาจมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ทนายความผู้รับมอบอำนาจฯ, นิติกรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จำเลย และทนายความจำเลยทั้งสาม เดินทางมาศาล

ศาลได้พยายามให้คู่ความเจรจาไกล่เกลี่ยคดีกัน เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่ต้น จากนั้นฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยได้พูดคุยอยู่ตลอดครึ่งเช้าของวัน คู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงประนีประนอมยอมความกันได้บางส่วน โดยจำเลยทั้งสามตกลงชำระเงินจำนวน 3,664 บาท แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็น “ค่าทำนุบำรุงหอศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

ขณะที่โจทก์ร่วมได้แถลงไม่ติดใจในเรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 148,874 บาทอีก ฝ่ายโจทก์ร่วมยังตกลงถอนคำร้องขอค่าสินไหมทดแทนในคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1

นอกจากนี้ อัศวิณีย์ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วม ทนายความโจทก์ร่วม และนิติกรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีอาญาต่อจำเลยทั้งสามในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และขอถอนคำร้องทุกข์ตามข้อหาดังกล่าว เมื่อศาลสอบถามฝ่ายจำเลยแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้โจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาดังกล่าว ทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องระงับลง มีคำสั่งให้จำหน่ายความผิดฐานนี้ออกจากสารบบความ

สำหรับข้อหาร่วมกันบุกรุก โดยกระทําความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และ 365 นั้น เนื่องจากกฎหมายกำหนดไว้เป็นคดีอาญาแผ่นดินไม่สามารถถอนคำฟ้องหรือถอนคำร้องทุกข์ได้ หากจะถอนฟ้อง ฝ่ายอัยการโจทก์ต้องทำเรื่องไปยังอัยการสูงสุดพิจารณา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาต่อไป ขณะที่ฝ่ายจำเลยก็ยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ ศาลจึงให้มีการสืบพยานต่อไปในเฉพาะข้อหาดังกล่าว

การสืบพยานเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 23 ส.ค. 2567 เป็นต้นมา โดยการสืบพยานเป็นไปอย่างเข้มข้น ตลอด 4 วันครึ่ง สืบพยานโจทก์ไปได้จำนวน 5 ปาก ยังเหลือสืบพยานโจทก์อีก 2 ปาก และพยานฝ่ายจำเลยอีก 11 ปาก ศาลจึงให้คู่ความกำหนดวันนัดเพิ่มเติมจำนวนอีก 3 นัด คู่ความจึงตกลงวันนัดสืบพยานเพิ่มในวันที่ 15-17 ม.ค. 2568 ทำให้ยังต้องติดตามสถานการณ์ในคดีต่อไป

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง