เทศบาลคืออะไร ทำอะไรบ้าง

การเลือกตั้งการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และนายกเทศมนตรี หรือการเลือกตั้งเทศบาลที่จะเกิดในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของท้องถิ่นไทย เทศบาลนั้นเป็น อปท. ที่มีระดับย่อยและใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่า อปท. ใหญ่ๆ อย่าง อบจ. เนื่องจากมีพื้นที่ความรับผิดชอบขนาดเล็กลงมา ทำให้การดูแลด้านไฟฟ้า ประปา การจัดการขยะ เข้าถึงประชาชนในพื้นที่มากกว่า โดยปัจจุบันเทศบาลมีทั้งหมด 2,472 แห่ง แบ่งเป็น เทศบาลนคร 32 แห่ง เทศบาลเมือง 199 แห่ง และเทศบาลตำบล 2,241 แห่ง

นายกเทศมนตรี – สภาเทศบาล คืออะไร ทำอะไรบ้าง

ตำแหน่งนายกเทศมนตรีและสภาเทศมนตรี มีวาระทั้งหมด 4 ปี และอยู่ได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน โดยแบ่งหน้าที่ได้ดังนี้

นายกเทศมนตรี ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารดูแลด้านนโยบายในการจัดงานของเทศบาลตามกฎหมายกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ และเทศบัญญัติ รวมไปถึงการเสนอแผนใช้งบประมาณและแผนการลงทุนต่อสภาเทศบาล ไม่สามารถเป็นสภาเทศบาลได้ นอกจากนี้ยังสามารถแต่งตั้งรองนายกเทศมนตรีมาเป็นผู้ช่วยในการบริหารงานราชการ 

สภาเทศบาล มีหน้าที่ในการพิจารณา กลั่นกลอง และอนุมัติเทศบัญญัติหรือหลักเกณฑ์ในการทำงานของเทศบาล สะท้อนความต้องการและข้อร้องเรียนของประชาชนในเขตเทศบาลไปยังนายกเทศมนตรี รวมไปถึงประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ หากเกินขอบเขตอำนาจเทศบาล และการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ผ่านการตั้งกระทู้ถาม ตรวจสอบการทำงานโดยคณะกรรมการสามัญและวิสามัญของสภาเทศบาล และเสนอให้มีการออกเสียงประชามติในเขตเทศบาล หรือถ้าพูดง่ายๆ คือมีหน้าที่ในการคานอำนาจกับฝ่ายบริหาร

เทศบาลมีกี่ประเภท แบ่งยังไง

ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ได้กำหนดให้เทศบาลเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและรายละเอียดต่างกันสามารถแบ่งได้ดังนี้

เทศบาลนคร คือหน่วยงานท้องถิ่นที่มีราษฎรหรือประชากรในพื้นที่ตั้งแต่ 50,000 คนขึ้นไป โดยกำหนดให้สภาเทศบาลมีสมาชิกสภาเทศบาลได้ 24 คน มีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน 4 คน และนายกเทศมนตรี 1 คน

เทศบาลเมือง คือหน่วยงานท้องถิ่นที่มีราษฎรหรือประชากรในพื้นที่ตั้งแต่ 10,000 คนขึ้นไปโดยกำหนดให้สภาเทศบาลมีสมาชิกสภาเทศบาลได้ 18 คน และมีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน 3 คน และนายกเทศมนตรี 1 คน

เทศบาลตำบล คือหน่วยงานท้องถิ่นที่ยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาลตำบล และไม่ได้กำหนดจำนวนราษฎรหรือประชากรในพื้นที่ไว้อย่างชัดเจนเหมือนกับเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร โดสภาเทศบาลมีสมาชิกสภาเทศบาลได้ 12 คน และมีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน 2 คน และนายกเทศมนตรี 1 คน

เทศบาลทำอะไรบ้าง?

หากมาดูหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ได้แบ่งภารกิจและหน้าที่ของเทศบาลแต่ละประเภทไว้ดังนี้

ประเภทของเทศบาลภารกิจและหน้าที่
เทศบาลตำบลมาตรา 50 ภายใต้การบังคับแห่งกฎหมาย เทศบาลตำบลมีหน้าที่ต้องทำในเขตเทศบาล ดังต่อไปนี้          
(1) รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน          
(2) ให้มีและบํารุงทางบกและทางน้ำ          
(3) รักษาความสะอาดของถนน หรือทางเดินและที่สาธารณะ รวมทั้งการกําจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล          
(4) ป้องกันและระงับโรคติดต่อ          
(5) ให้มีเครื่องใช้ในการดับเพลิง          
(6) ให้ราษฎรได้รับการศึกษาอบรม          
(7) ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ          
(8) บํารุงศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น          
(9) หน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของเทศบาล

มาตรา 51 ภายใต้การบังคับแห่งกฎหมาย เทศบาลตำบลอาจจัดทำกิจการใดๆ ในเขตเทศบาล ดังต่อไปนี้          
(1) ให้มีน้ำสะอาดหรือการประปา          
(2) ให้มีโรงฆ่าสัตว์          
(3) ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือและท่าข้าม          
(4) ให้มีสุสานและฌาปนสถาน          
(5) บํารุงและส่งเสริมการทํามาหากินของราษฎร          
(6) ให้มีและบํารุงสถานที่ทําการพิทักษ์รักษาคนเจ็บไข้          
(7) ให้มีและบํารุงการไฟฟ้าหรือแสงสว่างโดยวิธีอื่น          
(8) ให้มีและบํารุงทางระบายน้ำ          
(9) เทศพาณิชย์
เทศบาลเมืองมาตรา 53 ภายใต้การบังคับแห่งกฎหมาย เทศบาลเมืองมีหน้าที่ต้องทำในเขตเทศบาล ดังต่อไปนี้    
(1) กิจกรรมที่ระบุไว้ในมาตราที่ 50 
(2) ให้มีน้ำสะอาดหรือการประปา                  
(3) ให้มีโรงฆ่าสัตว์                  
(4) ให้มีและบำรุงสถานีที่ทำการพิทักษ์และรักษาคนเจ็บไข้               
(5) ให้มีและบำรุงทางระบายน้ำ                  
(6) ให้มีและบำรุงส้มสาธารณะ       
(7) ให้มีและบำรุงการไฟฟ้า หรือแสงสว่างโดยวิธีอื่น                  
(8) ให้มีการดำเนินกิจการโรงรับจำนำหรือสถานสินเชื่อท้องถิ่น                  
(9) จัดระเบียบการจารจร หรือ ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นในการปฎิบัติหน้าที่ดัง

กล่าว มาตรา 54 ภายใต้การบังคับแห่งกฎหมาย เทศบาลเมืองอาจจัดทำกิจการใดๆ ในเขตเทศบาล ดังต่อไปนี้
(1)  ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือและท่าข้าม                 
(2)  ให้มีสุสานและณาปนสถาน             
(3)  บำรุงและส่งเสริมการทำมาหากินของราษฎร         
(4)  ให้มีและบำรุงการสงเคาะห์มารดาและเด็ก             
(5)  ให้มีและบำรุงโรงพยาบาล           
(6)  ให้มีการสาธารณูปการ    
(7)  จัดทำกิจการซึ่งจำเป็นเพื่อการสาธารณะสุข                 
(8)  จัดตั้งและบำรุงโรงเรียนอาชีวะศีกษา
(9)  ให้มีและบำรุงสถานที่สำหรับการกีฬาและพลศึกษา                
(10) ให้มีและบำรุงสวนสาธารณะ สวนสัตว์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ               
(11) ปรับปรุงแหล่งเสื่อมโทรม และรักษาความสะอาดเรียบร้อยของท้องถิ่น
(12) เทศพาณิชย์
เทศบาลนครมาตรา 56 ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย เทศบาลนครมีหน้าที่ต้องทำในเขตเทศบาล ดังต่อไปนี้
(1) กิจการตามที่ระบุไว้ในมาตรา 53
(2) ให้มีและบำรุงการสงเคราะห์มารดาและเด็ก
(3) กิจการอย่างอื่นซึ่งจำเป็นเพื่อการสาธารณสุข
(4) การควบคุมสุขลักษณะและอนามัยในร้านจำหน่ายอาหาร โรงมหรสพ และ สถานบริการอื่น
(5) จัดการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและการปรับปรุงแหล่งเสื่อมโทรม
(6) จัดให้มีและควบคุมตลาด ท่าเทียบเรือ ท่าข้าม และที่จอดรถ
(7) การวางผังเมืองและการควบคุมการก่อสร้าง
(8) การส่งเสริมกิจการการท่องเที่ยว

มาตรา 57 เทศบาลนครอาจจัดทำกิจการอื่น ๆ ตามมาตรา 54 ได้

บทความ อำนาจหน้าที่ของเทศบาล โดยสถาบันพระปกเกล้า ระบุว่าถึงแม้ตาม พ.ร.บ.เทศบาลฯ เทศบาลสามารถดำเนินการตามหน้าที่ตาม พ.ร.บ.เทศบาลฯ กำหนดได้ ก็ต่อเมื่อไม่มีหน่วยงานอื่นได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่นั้น ข้อจำกัดนี้เกิดจากถ้อยคำในกฎหมายที่ระบุว่า “ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย เทศบาล… มีหน้าที่ต้องทำในเขตเทศบาล” ซึ่งหมายความว่าหากมีกฎหมายอื่นกำหนดหน้าที่นั้นให้หน่วยงานอื่นรับผิดชอบ เทศบาลจะไม่สามารถดำเนินการได้ หรือทำได้เพียงภายใต้ข้อจำกัดที่กฎหมายอื่นกำหนด ดังนั้น แม้กฎหมายเทศบาลจะให้เทศบาลมีบทบาทกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถปฏิบัติได้ในทุกเรื่อง เนื่องจากต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ กฎหมายกำหนดอำนาจหน้าที่ของเทศบาลมากมายแต่ยังมีข้อจำกัดด้านกฎหมายอื่นควบคุมอยู่ ทำให้ไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีงบประมาณหรือทรัพยากรมากเพียงใดก็ตาม

ทั้งนี้นอกจาก พ.ร.บ.เทศบาลฯ ยังมีกฎหมายอีกหนึ่งตัวที่กำหนดการทำงานของเทศบาลเอาไว้นั้นก็คือ พ.ร.บ.กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ที่ได้กำหนดหน้าที่ของ เทศบาล ไว้ในมาตรา 16 ให้ เทศบาล เมืองพัทยา และองค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง ดังนี้

(1) การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง
(2) การจัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ
(3) การจัดให้มีและควบคุมตลาด ท่าเทียบเรือ ท่าข้าม และที่จอดรถ
(4) การสาธาณูปโภคและการก่อสร้างอื่น ๆ
(5) การสาธารณูปการ
(6) การส่งเสริม การฝึก และประกอบอาชีพ
(7) การพาณิชย์ และส่งเสริมการลงทุน
(8) การส่งเสริมการท่องเที่ยว
(9) การจัดการศึกษา
(10) การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส
(11) การบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
(12) การปรับปรุงแหล่งชุมชนแออัดและการจัดการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
(13) การจัดให้มีและบำรุงรักษาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
(14) การส่งเสริมกีฬา
(15) การส่งเสริมประชาธิปไตย ความเสมอภาค และสิทธิเสรีภาพของประชาชน
(16) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของราษฎรในการพัฒนาท้องถิ่น
(17) การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
(18) การกำจัดมูลฝอย สิ่งปฏิกูลแลน้ำเสีย
(19) การสาธารณสุข การอนามัยครอบครัว และการรักษาพยาบาล
(20) การจัดให้มีและควบคุมสุสานและฌาปนสถาน
(21) การควบคุมการเลี้ยงสัตว์
(22) การจัดให้มีและควบคุมการฆ่าสัตว์
(23) การรักษาความปลอดภัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการอนามัย โรงมหรสพและสาธารณูปโภคสถานอื่น ๆ
(24) การจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ ที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(25) การผังเมือง
(26) การขนส่งและการวิศวกรรมจราจร
(27) การดูแลรักษาที่สาธารณะ
(28) การควบคุมอาคาร
(29) การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(30) การรักษาความสงบเรียบร้อย การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
(31) กิจการอื่นใดที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

บทความ อำนาจหน้าที่ของเทศบาล ยังระบุอีกว่า กฎหมายกำหนดหน้าที่ของเทศบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้มากมายขนาดนี้ เนื่องจากเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับการถ่ายโอนภารกิจ งบประมาณ และบุคลากรจากรัฐบาลสู่ท้องถิ่น ตามแนวทางที่กำหนดไว้ใน รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการกระจายอำนาจและการบริหารงานโดยท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการกำหนดแผนและขั้นตอนการถ่ายโอน หน้าที่จากราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคสู่ อปท.

จะเห็นได้ว่าอำนาจหน้าที่ของเทศบาลนั้นมีกฎหมายกำหนดในการทำงานอยู่หลายฉบับ ซึ่งแต่ละฉบับมีการกำหนดหน้าที่และวัตถุประสงค์ต่างกันไป แต่แผนการทำงานจริงๆ ของเทศบาลคืออะไร? อาจจะต้องไปดูที่ เทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี ที่แต่ละเทศบาลได้กำหนดด้วยตัวเองในแต่ละแห่ง โดยในเทศบัญญัติฯ มีการกำหนดงบประมาณในการใช้จ่ายลงไปในแผนการทำงาน ซึ่งแต่ละแห่งจะมีลักษณะของเนื้อหาการทำงานในแผนงานคล้ายคลึงกัน แต่ลักษณะการทำงานจะต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และความหนาแน่นของประชากร ซึ่งเทศบัญญัติฯ ได้กำหนดแผนงานไว้ทั้งหมด 10 แผนงาน ดังนี้

1.รักษาความสงบภายใน ป้องกันอาชญากรรมและดูแลความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ ควบคุมการจราจรในพื้นที่ จัดให้มีหน่วยดับเพลิงและหน่วยกู้ภัย ตรวจสอบสิ่งกีดขวางที่อาจก่อให้เกิดอันตราย จัดแผนป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า

2.การศึกษา จัดตั้งและดูแลโรงเรียนในสังกัดเทศบาล เช่น โรงเรียนเทศบาล ศูนย์เด็กเล็ก รวมไปถึงวิทยาลัยหรือสถาบันอาชีวศึกษา จัดกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียน เช่น ห้องสมุดประชาชนและศูนย์การเรียนรู้ จัดหาสื่อและอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น จัดแข่งขันทางวิชาการและกิจกรรมส่งเสริมทักษะ และจัดโครงการให้ทุนการศึกษาและอาหารกลางวัน

3.สาธารณสุข จัดตั้งและดูแลศูนย์บริการสาธารณสุขหรือคลินิกในพื้นที่ จัดกิจกรรมรณรงค์ด้านสุขภาพ เช่น การฉีดวัคซีน การตรวจสุขภาพประจำปี ดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อในชุมชน ควบคุมการกำจัดขยะมูลฝอยและระบบน้ำเสีย เพื่อป้องกันโรค จัดบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะ จัดแผนป้องกันและบรรเทาเหตุฉุกเฉิน เช่น การระบาดของโรค

4.สังคมสงเคราะห์ จัดสวัสดิการสังคม เช่น เงินสงเคราะห์ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม แก่ผู้ยากไร้ จัดสวัสดิการสำหรับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในภาวะยากลำบาก จัดสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ เช่น บริการดูแลสุขภาพ ที่พักอาศัย จัดสวัสดิการสำหรับผู้พิการ เช่น อุปกรณ์ช่วยเหลือ การฟื้นฟูสมรรถภาพ จัดโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จัดกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคีและความเข้มแข็งของชุมชน

5.เคหะและชุมชน จัดโครงการที่อยู่อาศัยราคาประหยัด ปรับปรุงสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกในชุมชนแออัด จัดกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคีและความเข้มแข็งของชุมชน จัดให้มีสวนสาธารณะ ศูนย์ชุมชน และพื้นที่สาธารณะ ควบคุมการก่อสร้างเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย

6.สร้างความเข้มแข็งของชุมชน จัดเวทีประชาคมเพื่อรับฟังความเห็นและกำหนดนโยบายร่วมกัน สนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายชุมชนเมือง จัดฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการชุมชน การเงินชุมชน และทักษะอาชีพ ส่งเสริมกิจกรรมเศรษฐกิจชุมชน เช่น ตลาดนัดชุมชน ศูนย์จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น ระบบสหกรณ์ สนับสนุนการสร้างพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ การรักษาป่าชุมชน อนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมเมืองผ่านเทศกาลหรือกิจกรรมร่วมสมัย 

7.ศาสนา วัฒนธรรม และนันทนาการ จัดกิจกรรมทางศาสนาและประเพณีท้องถิ่น  สนับสนุนการจัดงานประเพณีสำคัญของชุมชน จัดเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรม  สนับสนุนการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น จัดให้มีสวนสาธารณะและพื้นที่นันทนาการสำหรับประชาชน จัดกิจกรรมนันทนาการในสวนสาธารณะ จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ สนับสนุนการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

8.อุตสาหกรรมและการโยธา สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง จัดให้มีพื้นที่สำหรับการประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรม ควบคุมการก่อสร้างเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ออกใบอนุญาตก่อสร้างและตรวจสอบอาคาร จัดให้มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปรับปรุงและบำรุงรักษาสาธารณูปโภคในพื้นที่ ควบคุมมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

9.การเกษตร สนับสนุนการทำเกษตรใน จัดโครงการส่งเสริมการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน จัดให้มีระบบน้ำและการชลประทานเพื่อสนับสนุนการเกษตรใน ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ จัดตลาดนัดเกษตรกรเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรสนับสนุนการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า

10.การพาณิชย์ สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง จัดให้มีพื้นที่สำหรับการค้าและธุรกิจ ควบคุมการค้าและการตลาดเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ออกใบอนุญาตการค้าและตรวจสอบสถานประกอบการ จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ สนับสนุนการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

จะเห็นได้ว่าการทำงานของเทศบาลนั้นมีความใกล้ชิดกับประชาชนในเขตของตนอย่างยิ่ง เนื่องจากมีลักษณะคือเล็กแต่กระจัดกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ แต่หากมาดูที่ตัวกฎหมายที่กำหนดการทำงานของเทศบาลและความทับซ้อนของหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทำให้การบริหารงานของเทศบาลอาจจะยังไม่มีความอิสระเท่าที่ควร ถึงแม้จะมีความใกล้กับประชาชนแค่ไหนก็ตาม 

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง