12 พฤษภาคม 2566 พรรคพลังประชารัฐจัดการปราศรัยใหญ่ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น – ดินแดง เวลา 14.00 – 16.00 น. ก่อนเข้าคูหาเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2566 ในวันที่ 14 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ดัน พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้สโลแกน “นำได้ ตามเป็น เย็นพอ ฟังทุกฝ่าย”
สกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้กล่าวปราศรัยเป็นคนแรก ขึ้นกล่าวแสดงคำขอบคุณต่อเสียงตอบรับอันอบอุ่นจากทั่วประเทศ พร้อมชี้ว่าคนที่อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ต้องเคารพการตรวจสอบได้ ไม่ใช้กฏหมู่ทำลายกัน
“วันที่ 14 พ.ค.นี้ อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของประชาชนทุกคน จึงอยากให้ทุกคนตั้งคำถามว่า อยากเห็นประเทศไทยเป็นอย่างไร? อยากเห็นเศรษฐกิจที่ดี คนไทยกินดีอยู่ดี หรืออยากจะเห็นความแตกแยกของคนสองยุค อยากเห็นคอรัปชั่น ยาเสพติดระบาดทั่วเมือง” สกลธีกล่าว
ต่อมาวราเทพ รัตนากร เสนอเป็นตัวแทนกรรมการบริหาร ยันพรรคนี้ไม่มีนายใหญ่ แต่มีใจบันดาลแรง ย้ำต้องเลือกตั้งด้วยเหตุผล ไม่เลือกข้างแบบขาดสติ
“พปชร.มีนโยบายโดยไม่ต้องมีวาทกรรม ไม่ต้องแอบอ้างว่าคิดใหญ่ ทำเป็น แต่เราคิดเป็น ทำได้ และทำทันที” วราเทพกล่าว
ถัดมาสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ชี้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา เสนอพรรคตนพาประชาชนก้าวไปข้างหน้า ยันสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ผ่านวิธีเชื่อมโยงและพูดคุยกับทุกพรรค
พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นปราศรัยในช่วง 15.40 น. เผยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นภารกิจเดียวและสุดท้ายในชีวิต พร้อมชี้ปัญหาในประเทศยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้อง ความขัดแย้ง การก้าวล่วงสถาบัน หรือการแทรกแซงทางการเมือง โดยยืนยันความตั้งใจของพรรคตนว่ามุ่งมั่นเอาชนะปัญหาของประชาชนให้ได้ทุกเรื่อง
“ขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่า ผมทำได้ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นพรรคพลังประชารัฐ และผู้บริหารของพรรคจะทำงานเพื่อประชาชนทุกคน ขอให้เชื่อมั่นว่าผมจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง” พล.อ ประวิตรกล่าว
ติดตามไลฟ์การปราศรัยย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/PPRPThailand/videos/3482915935281360
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...