ศาลอุธรณ์ยกฟ้องคดีคาร์ม็อบอุตรดิตถ์ชี้เป็นการใช้เสรีภาพการชุมนุมไม่กระทบความสงบ-เสี่ยงโควิด19

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์นัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ในคดีของอนุรักษ์ แก้ไข คนทำสวนขายผลไม้วัย 27 ปี และ ทองแสง ไชยแก้ว คนทำงานพัฒนาด้านการเรียนรู้ของเยาวชน อายุ 31 ปี  ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีการทำกิจกรรมคาร์ม็อบของกลุ่ม อุตรดิตถ์ปลดแอก เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าศาลจังหวัดอุตรดิตถ์มีคำพิพากษาเห็นว่าจำเลยทั้งสองคนมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกคนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โดยศาลเห็นว่ากิจกรรมไม่ได้มีการขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน จึงเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย บุคคลที่เข้าร่วมก็ผิดกฎหมายด้วย และแม้พยานโจทก์ปากสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเบิกความว่าการชุมนุมจะมีลักษณะขับขี่รถไปตามท้องถนน เป็นที่โล่งแจ้ง มีความเสี่ยงต่ำ แต่ศาลก็เห็นว่ายังมีความเสี่ยงอยู่และสามารถแพร่โรคได้เช่นกัน ขณะที่ศาลเชื่อว่าจำเลยที่ 2 คือทองแสง มีบทบาทเป็นผู้จัดกิจกรรม ผ่านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในเพจเฟซบุ๊ก “อุตรดิตถ์ปลดแอก” แม้จะไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมเลยก็ตาม

จำเลยทั้งสองคนได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยต้องวางหลักทรัพย์คนละ 30,000 บาท และได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อมา โดยโต้แย้งว่าการบังคับใช้ข้อกำหนดควบคุมการชุมนุมในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีลักษณะเป็นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-2019 เป็นวงกว้าง ไม่ใช่เพื่อปราบปรามผู้ชุมนุมหรือห้ามการชุมนุมทางการเมือง

พยานโจทก์ปากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจังหวัด ได้ระบุความเห็นว่ากิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นระดับเดียวกับการใช้ชีวิตอย่างปกติของประชาชน อย่างการเดินตลาด หรือการขับขี่รถไปตามท้องถนนตามปกติ และไม่มีข้อมูลว่าติดเชื้อจากการรวมกลุ่มชุมนุมกันดังกล่าว สถานที่จัดกิจกรรมยังเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ผู้เข้ารว่มต่างคนต่างขับรถไปตามท้องถนน เปิดไฟ บีบแตร แสดงสัญลักษณ์สามนิ้ว ติดป้ายวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและอยู่เฉพาะแต่ในยานพาหนะของตนเอง ระหว่างการเคลื่อนขบวนไม่มีการจอดพูดคุย หรือปราศรัย ไม่มีกิจกรรมใดที่ต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดอันอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิดเป็นวงกว้างได้

นอกจากนั้น พยานโจทก์ทุกปากก็ไม่สามารถระบุยืนยันได้โดยตรงและไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงในประเด็นที่ว่าจำเลยที่ 2 เป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “อุตรดิตถ์ปลดแอก” ทำให้การกล่าวอ้างของโจทก์ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ “ริเริ่ม” ให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น ไม่ปรากฏชัดเจน

พยานยังมีความเห็นต่อการชุมนุม “คาร์ม็อบ” ในคดีนี้ ว่ามีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคในระดับต่ำ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง และผู้เข้าร่วมใส่หน้ากากอนามัย ทั้งตามบันทึกข้อความของ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ที่ผู้กำกับการของสถานีรายงานสถานการณ์การชุมนุม ยังระบุว่าผลการตรวจสอบเบื้องต้นว่า ไม่พบว่ามีการกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่อย่างใด

ศาลจึงวินิจฉัยว่ากิจกรรมคาร์ม็อบในวันเกิดเหตุ มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระดับต่ำ และมิได้กระทบต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรืออาจทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะคับขันแต่อย่างใด ทั้งการชุมนุมไม่พบว่ากลุ่มผู้เข้าร่วมได้ทำการปิดถนน หรือมั่วสุมกระทำการอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย 

อ่านเนื้อหาคำพิพากษาเพิ่มเติมได้ที่ https://tlhr2014.com/archives/57315?fbclid=IwAR02IiAGRqjrl5fiojAJMfKX5oFZsQS4PGuKkhI4YkyoUWUBcT9PhCP40js

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง