เรื่อง Little Longan
‘รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี’ คำขวัญวันเด็กที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบให้เด็ก ๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 อาจจะจะคับแคบย้อนแย้ง เพราะเด็กนับไม่ถ้วนเจ็บปวดและแหลกสลายระหว่างการเติบโตจากการเมืองที่ไร้อนาคตแบบนี้ มันนำพาผมให้ย้อนกลับไปสู่ความเยาว์วัยอีกครั้ง
ความสดใสร่าเริง ความนุ่มนวลอ่อนโยน ความจริงใจไร้เดียงสา ความใสซื่อและเป็นธรรมชาตินิยามเหล่านี้คงหนีไม่พ้นไปไกลมากจากคำว่า ‘เด็ก’ การได้ปั่นจักรยานคู่ใจ วิ่งไล่จับแมลงปอตัวโตตามทุ่งหญ้าหลังบ้าน หรือแพ้เบย์เบลดให้กับลูกชายเจ้าของร้านชำ
ผมเติบโตมาด้วยกิจกรรมง่าย ๆ แบบนี้แต่ความสนุกสุดแสนจะธรรมดานี้ก็ค่อย ๆ เข้าไปอยู่ในกล่องความทรงจำอย่างช้า ๆ จนแทบจะลืมเลือนไปบ้างแล้ว
อนุบาลและประถม
โลกกว้างขึ้น ผมไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านที่คอยปกป้องผมอีกแล้ว ผมเริ่มรู้จักผู้คนมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 3 ขวบ การโดนล้อเลียนจากการอึใส่กางเกง การโดนคุณครูหยิกแขนหลังจากการพูดหยาบคาย การทะเลาะกับเพื่อนเมื่อแพ้จากดีดลูกแก้ว
ผมเข้าเรียนชั้นประถมในโรงเรียนประจำอำเภอ การกลั่นแกล้งเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น การตบหัว การด่าทอถึงบุพการี และอีกสารพัดจากมนุษย์ที่เรียกว่าเพื่อน มันค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อได้ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนเอกชนช่วงประถมตอนปลาย สังคมที่กว้างขึ้นตามความเจริญของเมือง ผมต้องปรับตัวอย่างมากจากการย้ายเข้ามาเรียนโรงเรียนในตัวเมือง
การปกปิดภูมิลำเนาของตน การถูกอาจารย์ล้อเลียนสำเนียงในการพูด การต้องเรียนรู้สำเนียงในการพูดใหม่ การแอบร้องไห้ในห้องน้ำเพราะคิดถึงเพื่อนเก่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ราวกับว่าความเจ็บปวดของผมนั้นขยายตามความเจริญของเมืองที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่
มัธยมต้น
พูดถึงความเจริญ ธุรกิจของครอบครัวเองก็เจริญงอกงามตาม เป็นปกติที่ผู้ปกครองอยากให้ลูกเจอสังคมที่ดียิ่งขึ้น การแข่งขันสูงขึ้น หรูหราขึ้น ผมถูกย้ายไปโรงเรียนอีกครั้ง
ผมไม่ได้แอบร้องไห้ในห้องน้ำอีกแล้ว ออกจะตื่นเต้นด้วยซ้ำที่ได้เจอสังคมใหม่ และได้พบมิตรสหายที่ยังติดต่อกันถึงปัจจุบัน แต่นั้นแหละ ชีวิตในช่วงมัธยมมันช่างเจ็บปวด ผมถูกกลั่นแกล้งจากคนที่แข็งแรงกว่า ถูกไถ่เงิน โดนขมขู่ เริ่มไม่ตั้งใจเรียน แอบหลับเกือบทุกคาบ หนีเข้าร้านเกมส์ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ช่วงนั้นโลกเริ่มเชื่อมเข้าหากันด้วยอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนสามารถเข้าถึงโลกได้เพียงปลายนิ้ว ผมเริ่มเล่นเกมส์ออนไลน์ตั้งแต่ ม.1 เกมส์นั้นชื่อว่า Getamped ผมพบเพื่อนและสังคมใหม่ จากเกมส์นี้ ผมเล่นมันทุกวันทุกคืนเล่นอย่างหนัก เสียเงินกับมันไปหลักหมื่น ด้วยอาการติดเกมส์อย่างหนัก ด้วยเกรดเฉลี่ยรวม 2.08 ที่ทำให้ผมเกือบซ้ำชั้นเรียน แต่ด้วยความโชคดีที่ผมผ่านมันมาได้
ทางแพร่ง
ม.3 เทอมสุดท้าย การเลือกเส้นทางชีวิตว่าจะต้องไปทางไหน ด้วยอาการติดเพื่อนและติดเกมส์ ผมไม่ได้สนใจเรื่องเรียนมาก แต่แล้ววันหนึ่งครูวิชาแนะแนวได้ประทานเส้นทางให้ โดยการชี้แนะผ่านด้วยแผ่นพับ ที่มีรูปต้นไม้ที่ลิงต้องปีนป่ายไปสู่ยอดของต้นไม้เพื่อเอาผลไม้ชั้นเลิศ การเดินทางของลิงจำแนกออกเป็นสองสาย
การเดินทางสายแรกคือ แผนการเรียนแบบสายสามัญ ส่วนแผนสองคืออาชีวะ ครูแนะแนวพูดขยายความว่าแผนการเรียนแบบอาชีวะ คือเส้นทางลัดไปสู่ยอดต้นไม้หรือการประสบความสำเร็จในชีวิต ผมไม่รอช้าตัดสินใจในทันที แน่นอนว่าครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่ไม่สามารถขัดขวางความตั้งใจของผมได้ ความที่ครอบครัวทำธุรกิจ ถูกปลูกฝังทั้งทางตรงและทางอ้อม เราต้องร่ำรวยขึ้น ชีวิตต้องดีขึ้น อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกหล่อหลอมมา และเห็นได้ง่ายในช่วงที่เหล่าไลฟ์โค้ชต่างพร่ำสอน
การเข้าเรียนการตลาด ผมวาดฝันไว้ว่าชีวิตนี้ผมได้เป็นเจ้าคนนายคน อาศัยอยู่ในบ้านหลังโต โรงรถจอดเมอเซดีสเบนซ์ เอสคลาสสีขาวอยู่ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง มีเงิน 1,000 ล้านบาทอยู่ในบัญชี แต่ความฝันกลับกลายเป็นเพ้อฝัน ผมหลุดไปอยู่ในวงจรยาเสพติด ยาเม็ดสีส้มอมแดงปั้มตรา WY ยาคลายกล้ามเนื้อสีเขียวเหลืองผสมกับยาแก้ไอรสหวานช่ำ วนเวียนในทุกคืนเกือบทั้งชีวิตของการเป็นนักศึกษาอาชีวะ
มันเป็นยุคมืด ที่ผมแทบไม่อยากจะจำ
เริ่มต้นใหม่ในมหาวิทยาลัย
แต่ด้วยความโชคดีอีกนั้นแหละ ผมได้มีโอกาสเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองอีกครั้ง แต่เส้นทางชีวิตครั้งนี้ไร้ซึ่งความเพ้อฝัน ปล่อยตามเลยอย่างคนโง่เขลาและขี้ขลาด ผมเรียนจบอาชีวะ สาขาการตลาด ทั้งครอบครัวยังทำธุรกิจ ผมจึงเข้าเรียนต่อในคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่
ยุคที่สิทธิมนุษยชนยังไม่ถูกพูดถึง กิจกรรมรับน้องขับเคลื่อนไปด้วยความฉาวโฉ่และเงียบงัน “มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน” “มึงไม่รักเพื่อนหรอ” “มึงจะเอารึป่าวรุ่นอะ” “ถ้าแค่นี้ยังรับไม่ได้ ทำงานจะไหวหรอ” และอีกสารพัดประโยคที่รุ่นพี่ผู้มากด้วยประสบการณ์กล่าวต่อผมและเพื่อน
เพลงมัดหมี่ขูดมะพร้าว เพลงตุ่มใส่น้ำ การส่งลูกอมด้วยปาก กิจกรรมแสนจะดราม่าที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อ ‘รุ่น’ สารพัดที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ นี่ยังไม่รวมเวลาพักผ่อนและการเรียน
ชีวิตในมหาวิทยาลัยดำเนินไปเรื่อย มีความรัก ตื่นไปเรียนไม่ทัน เมาไปเรียนคาบเช้า ไปร้านเกมส์กับเพื่อนหลังเลิกเรียน ไปเที่ยวหลังสอบเสร็จ และการเผชิญหน้ากับแรงเหวี่ยงสำคัญ ศาลรัฐธรรมนูญในรัฐบาลประยุทธ์ สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ทำให้เกิดการลุกหือเกิดขึ้นทั่วประเทศ ไฟในใจผมเริ่มจุดติดเห็นความหวังของประเทศอยู่รำไร
แต่ม็อบเริ่มซาลง แทนที่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผมไม่สามารถออกไปไหนได้ด้วยมาตรการและการจัดการอันห่วยแตกของรัฐบาล จากที่ผมได้ไปเจอเพื่อน ๆ ในห้องเรียนกลับต้องมาเรียนในหน้าจอสี่เหลี่ยม LED ขนาด A4 ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างมาก ผมเริ่มเก็บตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ตั้งใจเรียน ไม่ออกไปไหน นอนตื่นสาย น้ำหนักขึ้น ไม่ออกกำลังกาย ไม่มีหวังอะไรเท่าไหร่
ช่วงฝึกงานปี 4 ผมไปฝึกงานในองค์กรเพื่อสังคมเล็ก ๆ โดยหลอกอาจารย์ว่าไปสมัครเป็นผู้จัดการธุรกิจขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ไฟอุดมการณ์จุดติดอีกครั้งหลังเห็นภาพตามสื่อต่าง ๆ ผู้คนส่วนใหญ่ในไทยประสบปัญหาสารพัดจากการจัดการสถานการณ์โควิด-19 อันห่วยแตกของรัฐบาลประยุทธ์
ฝึกงานครั้งนี้เปลี่ยนฉากทัศน์การมองโลก จากที่แค่เสพจากสื่อ ผมเห็นแววตาของความเจ็บปวดจริง ๆ แคมป์แรงงานข้ามชาติ คนไร้บ้าน ผู้ลี้ภัย พี่น้องชาติพันธุ์ รวมไปถึงการเดินทางลง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ซึ่งผมอาจไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเพราะภาพของความรุนแรงที่หล่อหลอมมาอย่างยาวนาน แต่พอได้ไปก็พบว่าไม่เหมือนกับที่สื่อและรัฐพยายามบอก
ช่วงนี้อีกนั้นแหละ เป็นช่วงที่คนที่ใกล้เรียนจบหรือจบใหม่หลาย ๆ คนอาจจะต้องเผชิญกับภาวะที่ว่า ชีวิตเราจะไปทางไหน ด้วยที่บ้านทำธุรกิจเส้นทางเลยมีแค่เส้นเดียว มันสบสันมาก การไม่เห็นเส้นทางเส้นอื่น ทำให้ผมงุนงง พัฒนาเป็นความเครียด ความเจ็บปวด ส่งผลเป็นภาวะซึมเศร้า ผมดื่มเหล้าเบียร์ในปริมาณที่เยอะขึ้นทุกคืน สูบบุหรี่จัด ฝั่งกลบความเศร้า สภาพร่างกายแย่ลง น้ำหนักขึ้น สิวขึ้น ส่งผลให้ความมั่นใจของผมที่มีอย่างน้อยนิดอยู่แล้วนั้น ไม่เหลืออยู่เลยทั้งยังส่งผลมาถึงตอนนี้
ใช้ปืนจ่อยิงที่หัว โดดแม่น้ำ ดิ่งจากตึก แขวนคอ กรีดแขน ขับรถชนเสาไฟฟ้า สารพัดวิธีที่ผมจะสามารถนึกออกได้ ผมคิดวิธีที่จะตายได้ด้วยตนเองเพื่อก้าวข้ามปัญหา และคิดว่าคงไม่มีใครเดือดร้อนจากการหายของผม
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ มันเป็นแค่ความคิดเท่านั้น ด้วยความช่วยเหลือและการได้รับความรักจากครอบครัว เพื่อน และการฝืนแรงเหวี่ยงฮึดสุดท้าย ผมกล้าเผยความต้องการและพยายามยืนหยัดในเส้นทางที่เลือก ผมอยากเห็นสังคมดีขึ้น แม้ทางบ้านอาจจะไม่ได้เข้าใจมากนัก แต่พวกเขาเริ่มเปิดใจยอมรับกับเส้นทางที่ผมเลือก ทั้งยังคอยแอบให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ และที่ขาดไม่ได้คือกำลังใจจากเพื่อน ๆ ที่ค่อยชุบชูจิตใจในวันที่เศร้าหมอง การพูดคุย รับฟัง ปลอบโยน บทสนทนาต่าง ๆ ส่งผลให้ผมยังคงอยู่ และเติบโตอย่างมีความหวังต่อไป
ผมใช้คำว่า ‘โชคดี’ หลายครั้งเหลือเกิน แต่ความโชคดีคงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือแทบไม่มีซักครั้งเลยในชีวิตเด็กอีกหลายคน
แด่เพื่อนของผมในวัย 8 ขวบ ถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนในวัยเด็กจนกลายเป็นคนเก็บตัวจนถึงปัจจุบัน แด่เพื่อนของผมในวัย 14 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่คุณพ่อของเขาซื้อให้ แด่เพื่อนของผมในวัย 17 ปี เสียชีวิตจากเฮโรอีน หลังเพื่อนรักของเขาฉีดในปริมาณมากไป แด่เพื่อนของผมในวัย 18 ปี ถูกจับติดคุกในข้อหาคดียาเสพติด แด่เพื่อนของผมในวัย 19 ปี ถูกกีดกันจากเพื่อนร่วมรุ่นจนต้องออกจากการเรียน แด่เพื่อนของผมอีกหลายคนที่ต้องออกจากการเรียนเพราะภาระที่บ้าน แด่ลูกหลานของแรงงานข้ามชาติอีกหลายชีวิตต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แด่ผู้ลี้ภัยวัยเยาว์ที่สูญหายระหว่างการเดินทางข้ามเขตแดน แด่เด็กอีกหลายคนที่สูญอิสระภาพและเสียชีวิตเพียงเพราะเรียกร้องทางการเมือง
นี่คงเป็นส่วนเสี้ยวของความแหลกสลายของเด็กที่สมองและดวงตาอันคับแคบของผมได้พบเจอและสามารถจดจำได้ ยังมีเด็กอีกหลายล้านคน ยังหลงทาง สูญหาย เจ็บปวด บอบช้ำ และเสียชีวิตจากสังคมอันโหดร้ายนี้
การรับฟัง มอบความรัก ความห่วงใย เข้าใจและเชื่อมั่น ไม่พยายามสร้างบาดแผล คงเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่มหาศาลที่มนุษย์อย่างเราจะสามารถมอบให้แก่กันได้ และสิ่งเรียบง่ายเหล่านี้เช่นกันที่ทำให้ผมและเด็กอีกหลายคนได้เติบโตอย่างงดงามต่อไป
Little Longan |