ชาวเชียงใหม่ไม่ทน กกต. ยื่นหนังสือหลัง 1 เดือนไร้วี่แววผลเลือกตั้ง ด้านนักวิชาการกกต. ต้องรับรองผลเลือกตั้ง

14 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น. ณ ตึกสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มประชาชนและนักวิชาการเดินทางมาร่วมยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องเร่งรัดการทำงานของ กกต. เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 เดือนเต็มแล้วที่มีการเลือกตั้งแต่ กกต. ยังไม่สามารถประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการได้ รวมไปถึงการนับคะแนนใหม่อีก 47 หน่วย

โดยมีการอ่านจดหมายเปิดผนึกจากประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ประเทศไทย) มีเนื้อหาดังนี้

ด้วยงบประมาณ 5,945 ล้านบาท และระยะเวลาทำงานถึง 5 ปี หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2561 รวมทั้งมีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2562 ประชาชนคนไทยทุกคนย่อมคาดหวังว่า องค์กรอิสระที่เราเรียกกันว่า กกต. จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สุจริต โปร่งใส มีปัญหาน้อยที่สุดสำหรับการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

แต่การณ์กลับกลายเป็นตรงกันข้าม การเลือกตั้งปี 2566 นับว่าเป็นการเลือกตั้งที่มีการจัดการอย่างไร้ประสิทธิภาพ ขาดความโปร่งใส ผิดพลาดและเต็มไปด้วยความด้อยพัฒนามากที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย  ไม่น่าเชื่อว่ามาจนถึงยุคดิจิทัล 4.0, 5.0 ขนาดนี้แล้ว  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ กกต.จัดการ ราวกับผุดโผล่ออกมาจากยุคสมัย 40-50 ปีที่แล้ว ตั้งแต่การจัดเก็บบัตรเลือกตั้ง การขนส่งบัตรเลือกตั้ง ไปจนถึงการนับคะแนน 

กกต.ชุดนี้ถูกวิจารณ์มาตั้งแต่การแบ่งเขตอย่างไม่สมเหตุสมผล การเลือกตั้งล่วงหน้าที่เกิดข้อผิดพลาดมากมาย  เจ้าหน้าที่เขียนเขตหรือรหัสหน้าซองเลือกตั้งล่วงหน้าผิด ทั้งๆ ที่ กกต.มีงบประมาณการเตรียมความพร้อมแก่เจ้าหน้าที่ถึงสามร้อยกว่าล้านบาท แต่ทำไมเจ้าหน้าที่จำนวนมากกลับทำหน้าที่ผิดพลาดราวกับไม่เคยได้รับการอบรมใดๆ มาเลย

การกำหนดเลขผู้สมัครผู้แทนราษฎรเขตกับเลขบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่ไม่ตรงกัน จดจำยาก ไม่เอื้ออำนวยความสะดวก แต่ดูเหมือนจงใจสร้างความลำบากแก่ประชาชนมากกว่า  ราวกับการไปดูงานต่างประเทศของ กกต.ชุดนี้ ตั้งใจไปดูงานเพื่อกลับมาจัดการเลือกตั้งให้ตรงข้ามกับตัวอย่างการจัดการเลือกตั้งที่ดีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ด้วยความไร้ประสิทธิภาพและไม่น่าไว้วางใจของ กกต. จึงทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาเป็นอาสาสมัครจับตามองการลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง แต่แทนที่ กกต. จะสำนึกสำเหนียกและรีบปรับปรุงการทำงานของตนให้ดีขึ้น  กกต.กลับยิ่งแสดงความไร้ประสิทธิภาพด้วยการประกาศผลการเลือกตั้งล่าช้าอย่างไม่มีเหตุผล  ปล่อยเวลาไปหลายสัปดาห์กว่าจะประกาศนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้ง รวมทั้งการมีบัตรเสียมากถึง 3 ล้านใบ โดยที่มีบัตรเสียจำนวนมากกลายเป็นบัตรเสียเพียงแค่ขีดกากบาทไม่สวยถูกใจเจ้าหน้าที่นับคะแนน หรือบังเอิญมีจุดหมึกแต้มขึ้นมานิดหน่อยในรอยลากเส้น  เรื่องเหล่านี้ไม่มีคำอธิบายใดๆ จาก กกต. ว่าหลักปฏิบัติที่ขัดกับสามัญสำนึกของคนทั้งโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

จวบจนวันนี้ 14 มิถุนายน ผ่านไปครบหนึ่งเดือนจากวันเลือกตั้ง  กกต. ก็ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเสียที เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 2562  การประกาศรับรองล็อตแรกใช้เวลา 14 วัน  กกต. ก็เป็นชุดเดียวกัน แต่ทำไมกลับมีพัฒนาการถอยหลัง  ประชาชนคนไทยต้องการให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน  การที่มีข่าวว่า กกต.จะรับรองผลทั้งหมดภายในวันที่ 27 มิถุนายน เพื่อให้ทันกับสมาชิก กกต. คนหนึ่งจะหมดวาระเพราะอายุครบ 70 ปีนั้น  ขอถามว่าประเทศไทยหมุนรอบตัว กกต. หรือ ถึงได้กำหนดเวลาที่มีผลกระทบต่อคนทั้งประเทศโดยเอาความสะดวกสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง

ประชาชนรู้ดี กกต.ก็รู้ดี ว่าที่มาของ กกต.ชุดนี้มาจากไหน มาจากใคร มาอย่างไร  แม้พวกท่านจะได้รับการแต่งตั้งจากคนนอกกฎหมายที่ฉีกรัฐธรรมนูญทำรัฐประหารล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้  แต่ช่วงเวลา 5 ปีที่พวกท่านได้รับเงินเดือนรวมกันไปหลายร้อยล้านบาท พวกท่านก็ต้องทราบดีเช่นกันว่าเงินเดือนเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ของท่านล้วนมาจากภาษีของประชาชน  ถ้าหากท่านมีความตระหนักสำนึกในข้อนี้บ้าง ก็ควรทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติในบั้นปลายของชีวิต เร่งรัดการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเลิกจ้องจับผิดนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมาอย่างไร้สาระเสียที

พวกท่านเป็น “ข้า” ของหลวงด้วยยศตำแหน่ง แต่พวกท่านก็เป็น “ข้า” ของราษฎรด้วยการเลี้ยงดู  ขอให้ท่านระลึกถึงข้อนี้ไว้

สุดท้ายแล้ว การเปลี่ยนคำขวัญสโลแกนประจำสำนักงานกี่ร้อยครั้ง ก็ไม่ได้ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของท่านได้มาตรฐานขึ้นมา  การกระทำย่อมเสียงดังกว่าคำขวัญไร้แก่นสาร  อย่าให้ประชาชนต้องตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “กกต.มีไว้ทำไม?”

ด้วยความไม่นับถือ

ประชาชนชาวไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

เครือข่ายนักวิชาการร่วมแถลง กกต. ต้องรับรองผลการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ยังมีการอ่านจดหมายเปิดผนึกจากเครือข่ายนักวิชาการ เรื่อง การรับรองผลการเลือกตั้งคือภารกิจสำคัญของ กกต. มีเนื้อหาดังนี้

ภายหลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (14 มิถุนายน) นับเป็นเวลาครบรอบหนึ่งเดือน สามารถกล่าวได้ว่าจากการติดตามการเลือกตั้งของประชาชน องค์กรเอกชน พรรคการเมือง ซึ่งมีการตรวจสอบถึงการทุจริตหรือสภาพปัญหาที่เกิดจากการเลือกตั้งก็ปรากฏว่ามีเพียงจำนวนหนึ่ง รวมทั้งรายงานของ กกต. ก็ไม่ได้แสดงถึงปัญหาของการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางแต่อย่างใด แม้อาจจะมีการร้องเรียนเกี่ยวกับตัวบุคคลผู้สมัครหรือพฤติกรรมบางอย่างในการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในเชิงภาพรวม

หากเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งในหลายประเทศ (รวมถึงประเทศที่ กกต. ได้ไปดูงานมา) หน่วยงานที่รับผิดชอบที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งสามารถประกาศผลได้อย่างรวดเร็วภายหลังจากการเลือกตั้ง การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งจะเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่ทำให้สังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความสงบและมั่นคงของระบอบการปกครอง เพราะจะทำให้ฝ่ายที่ประสบชัยชนะในการเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อนำแนวนโยบายที่นำเสนอไว้ในการหาเสียงมาสู่ผลปฏิบัติจริง

คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นด้วยความหวังว่าจะมาทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม ด้วยความโปร่งใส รัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ก็ได้ให้ความสำคัญด้วยการออกแบบให้องค์กรนี้มีลักษณะขององค์กรอิสระ อันหมายความว่าจะต้องเป็นองค์กรที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างตรงไปตรงมาและไม่อยู่ภายใต้อำนาจหรือกลายเป็นเครื่องมือของบุคคล องค์กร หรือสถาบันใดสถาบันหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะผ่านการเลือกตั้งมาเป็นระยะเวลาครบหนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในการประกาศรับรองผลแต่อย่างใด แม้จะมีระยะเวลาไม่เกิน 60 วันตามกฎหมายสำหรับการประกาศผล เมื่อไม่ได้พบปัญหาสำคัญใด ๆ ในการเลือกตั้ง ทาง กกต. ก็ควรเร่งรัดการทำงานของตนเพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ควรต้องคุ้มค่ากับงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ใช้ในการเลือกตั้งและการจ่ายให้กับองค์กรนี้ 

ยิ่งการประกาศผลล่าช้าออกไปมากเพียงใดก็ยิ่งจะถูกมองว่าเป็นการถ่วงเวลาเพื่อเปิดโอกาสให้บางกลุ่มบางฝ่ายสามารถบิดเบือนผลจากการเลือกตั้ง อันจะเป็นการสร้างความไม่ชัดเจนต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายในสังคมไทย ดังที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน 

ในฐานะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและได้แสดงออกด้วยการใช้สิทธิผ่านการเลือกตั้ง พวกเราจึงขอเรียกร้องให้ กกต. ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพและตรงไปตรงมา และเพื่อให้เสียงของประชาชนเป็นเจตจำนงค์ในการกำหนดชะตากรรมของสังคมไทย มิใช่เสียงของบุคคลบางคน บางกลุ่ม บางฝ่าย เป็นผู้ชี้ชะตาเฉกเช่นที่หลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา

หลังจากมีการอ่านจดหมายเปิดผนึกจากประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งและเครือข่ายนักวิชาการ มีการยื่นหนังสือโดยมี อรัญญา ณ ลำพูน รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนในรับหนังสือ

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง