ป๋างนึกโมโหแม่ เจิงกับเอกที่ออกไปขายของที่กาดนัด ทิ้งเขาให้อยู่ร้านคนเดียว เมื่อโทรหาน้องชายแล้วไม่มีสัญญาณตอบรับ ชายหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิด หากน้องชายอยู่ร้าน เขาคงหลบออกจากร้านไปที่อื่นได้ ขณะที่ยังไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์บีบคั้นหัวใจได้อย่างไร เครือออนก็เดินเข้ามาจากประตูหลังร้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาทางหน้าร้าน
“ออน ! นึกว่าจะหาร้านยาก กำลังว่าจะโทรถาม ก่เจอร้านพอดีเลย”
“มาพอดีเลยดาว เพิ่งบอกคุณหมอว่ารอดาวมาถึงแล้วค่อยสั่งอาหาร”
ป๋างทำหน้างงอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาต้องยกเลิกความคิดที่จะหลบออกจากร้านไปทางอื่น หลังจากติดต่อน้องชายให้มาอยู่ร้านแทนไม่ได้ ชายหนุ่มมองหญิงสาวทั้งคู่พูดคุยกันด้วยความรู้สึกแปร่งแปลก
“อ้ายป๋าง นี่ดาว เพื่อนออน เป๋นพยายาลอยู่ที่โรงบาลอำเภอ ดาว นี่อ้ายป๋างเจ้าของร้านจ้า”
“สวัสดีครับ” ป๋างกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงไม่ฝืดฝืนเหมือนเก่า แต่เขาก็สบตาหญิงสาวเพียงครู่ ก่อนจะหันไปง่วนอยู่กับการเตรียมทำกาแฟ
“ดาวลงไปที่คุณหมอก่อนเลย ออนปล่อยหื้อนั่งดูรูปในคอมอยู่คนเดียว แต่ดูท่าจะชอบบรรยากาศริมน้ำแม่ลาย กับบนยอดดอยลังกาหน้อยนะ งานนี้ ว่าที่เจ้าสาวได้เหนื่อย เตียวบุกป่าฝ่าดอยไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งแน่นอน ว่าที่เจ้าบ่าวชอบธรรมชาติ ชอบสมบุกสมบันแบบนี้”
“ได้เลยจ้า วันก่อนเห็นแกบอกว่าได้ทำเลเปิดคลินิกแล้วตวย หลังเสร็จงานนี้ ก่คงจะเริ่มเปิดคลินิกเลย” อิงดาวตอบเครือออนด้วยรอยยิ้มละไม
“ถ้าทำคลินิกเอง ก่จัดก๋ารอย่างที่อยากทำได้เต๋มที่เนาะ บ่าต้องถูกกดดันเหมือนอยู่ในโฮงยา”
“แม่น เห็นคุณหมอบอกว่าจะเก็บค่ารักษาหื้อพออยู่ได้ แล้วรณรงค์เรื่องรักษาสุขภาพด้วยอาหาร กับสมุนไพรต่าง ๆ” อิงดาวบอกเพื่อน ก่อนจะเดินออกประตูหลังร้าน ลงไปตามทางเดินสู่ริมธารน้ำแม่ลาย ซึ่งแฟนหนุ่มของเธอนั่งรออยู่
ป๋างหูผึ่งกับบทสนทนาของหญิงสาวทั้งคู่ พอปะติดปะต่อความหมายของบทสนทนาได้ เข้าใจความหมายทะลุปรุโปร่ง เขาลอบถอนหายใจ ขณะหันไปแอบยิ้มอยู่หลังเคาน์เตอร์ หัวใจเบาหวิวเหมือนยกก้อนหินทั้งอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่ทับถมอยู่ออกจากอก
“ยิ้มหยังอ้ายป๋าง”
“บ่าบอก”
“เอ๊ะ! ก๋วนน่อ”
“ก่แล้วแต่จะกึ๊ด”
“ว่าจะมาขอปรึกษาหยังหน้อย บ่าอู้แล้วดีกว่าเนาะ”
“ว่ามา ๆ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
“ปรึกษาเรื่องหัวใจ๋ได้ก่” หญิงสาวยิ้ม แต่ป๋างกลับหุบยิ้มที่เพิ่งเริ่มระบายเต็มใบหน้า หญิงสาวจึงพูดต่อ
“ถ้าไปชอบป้อจายที่บ่าแน่ใจ๋ว่าเปิ้นชอบเฮาก่ เฮาต้องยะใดดี” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ก่ถามเขาไปเลยก่า” ป๋างตอบด้วยน้ำเสียงแสดงความหงุดหงิด
“แต๊อิ เฮาเป๋นแม่ญิง ถามป้อจายจะบ่าน่าเกลียด บ่าผังฮ้ายกา”
“โอ๊ย ! ศตวรรษที่ 21 แล้ว ขอป้อจายแต่งงานยังได้เลย” ป๋างตัดบท
“หื้อมันฮู้ไปว่า เปิ้นจะตอบฮับ กาว่าบ่าเล่นตวยน่อ” เครือออนเดินเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์ จ้องมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตอนแรกว่าจะรอเวลาและสถานที่ แต่บางที เวลาที่เหมาะ สถานที่ที่ใช่ก่อาจเป๋นเมื่อพร้อมเนาะ” หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ ขณะจ้องสบตาชายหนุ่ม
“อ้ายป๋างจะแต่งงานกะออนก่”
ชายหนุ่มตกตะลึง เบิกตากว้าง ชะงักงัน เขานิ่งเงียบ สีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะค่อย ๆ วางแก้วกาแฟบนชั้น เดินอ้อมไปหลังเคาน์เตอร์ เดินออกไปหาหญิงสาวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไร้รอยยิ้ม
“โอ๊ย ! บ่าต้องออกมาบอกเองก่ได้ ฮู้แล้ว” เครือออนโวยวาย ก่อนรีบหมุนตัว ก้าวเดินออกไปทางประตูหลังร้าน ป๋างรีบจ้ำตาม เมื่อเดินไปทันแล้ว เขารีบสวมกอดหญิงสาว ก้มจุมพิตเรือนผมหญิงสาวแผ่วเบา ก่อนจะปล่อยหัวเราะที่แกล้งฝืนไว้ก่อนหน้านั้น
“ฮู้ได้อย่างใดว่าอ้ายจะขอตั๋วแต่งงานต๋อนขึ้นไปลังก๋าหน้อย แย่งซีนกั๋นนิ”
หญิงสาวหันมาสวมกอดชายหนุ่ม ซบหน้ากับอกกว้าง รอยยิ้มผุดพราย ขณะกระซิบบอกเขาว่า
“ไปสำรวจสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งหื้อดาวกับหมอพร้อม สำรวจเผื่อไว้แล้วเน่อ”
…จบบริบูรณ์…
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...