วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2565) เมื่อเวลาประมาณ 8.30 น. กลุ่มราษฎรหยุด APEC ได้ทำการเคลื่อนขบวนจากลานคนเมืองไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการประชุม APEC เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้องข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้คือ 1. ประยุทธ์ต้องยกเลิกนโยบาย BCG รวมถึงระเบียบกฎหมายใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ที่พยายามนำเสนอให้ที่ประชุมเอเปครับรอง ด้วยเป็นแนวคิดที่กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่กลับจะสร้างผลกระทบมหาศาลให้กับประชาชนไทยและประชาคมโลกในอนาคต 2. ประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และจะต้องยุติบทบาทในการเป็นประธานการประชุมเอเปคโดยทันที เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งต่อประชาชนและต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ และ 3. ประยุทธ์ต้องยุบสภาและเปิดทางให้มีการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่งผู้นำการบริหารประเทศที่สง่างามและคู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพในการประชุมเวทีประชาคมโลกต่อไปในอนาคต
08.31 เริ่มพิธีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ณ เสาชิงช้า มีการแขวนมีดกลองกระดาษที่เสาชิงช้า ลักษณะเหมือนเครื่องประหารกิโยตินมีข้อความที่มีดประหารว่า “ไล่ประยุทธ์หยุดทุนผูกขาด” และด้านล่างกล่องเป็นแท่นประหารมีหุ่นจำลองประยุทธ์ และปล่อยมีดกระดาษลงมาประหารศีรษะหุ่นจำลองประยุทธ์ และเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากลานคนเมืองตั้งแต่เวลา 08.51 น. ทางฝั่งของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น คฝ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขวางการเดินขบวนของผู้ชุมนุม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเส้นทางถนนบำรุงเมือง โดยเตรียมโล่และโทรโข่งขนาดใหญ่ พร้อมทั้งรถคุมขัง ในขณะที่ผู้ชุมนุมเริ่มเดินขบวนลงไปทางถนนราชดำเนินเจ้าหน้าที่ คฝ. ถือโล่กั้นเส้นทางอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยพร้อมกับด้านหลังเป็นรถตู้ตำรวจ 2 คันกั้นถนนไว้ ซึ่งกลุ่มราษฎรหยุด APEC ได้ฝ่าแนวกั้นไปได้สำเร็จ แต่ยังมีแนวกั้นอีก 2 ชั้นก่อนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยรั้วที่ 2 เป็นรั้วเหล็ก ตำรวจอีก 5 นายเพื่อรอเจรจา ส่วนด้านหลังเป็นคฝ. ที่ถือโล่ดักรอจำนวนมาก
09.04 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศว่า “มีการผิด พ.ร.บ. ชุมนุมฯ และให้กลับไปที่ลานคนเมือง ณ เวลานี้ เพื่อความสงบเรียบร้อย” ระหว่างนั้นผู้ชุมนุมได้ตีกลองดังขึ้น และมีตำรวจเข้ามาเพิ่มจำนวนคนมากขึ้น และตำรวจประกาศขู่ให้สื่อมวลชนขึ้นบนถนนทางเท้า ไม่ปิดกั้นการทำงานของสื่อทุกแขนงแต่ขอให้สื่อไม่ปิดกั้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก่อนที่ในเวลา 09.14 น. ผู้ชุมนุมได้ดันแผงกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่าไปได้สำเร็จ และเดินทางไปหน้าบริเวณอนุสาวรีย์ และในเวลา 09.18 น. ตำรวจมีการประกาศให้สื่อมวลชนออกจากถนนและขู่ให้สื่อออกนอกแนวทั้งหมด และให้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ควบคุมไม่ให้เข้าเด็ดขาด หลังจากในเวลา 09.20 น.ผู้ชุมนุมได้เดินมาประชิดกับแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีรถยนต์ 3 คันจอดและเจ้าหน้าที่ คฝ. ขวางทางอยู่ ทางแกนนำประกาศยืนยันว่าจะเดินทางไปที่ศูนย์สิริกิติ์ ทั้งนี้ในเวลา 09.22 น. มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้พบเห็นกระสุนยางหลังรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
09.35 น. ทางกลุ่มผู้ชุมนุมขอให้มีการเปิดทางให้กับผู้ชุมนุม พร้อมกับข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 1.ให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ทันที 2.เคลียร์ทางเท้าให้ประชาชนสามารถเดินไปได้ถึงศูนย์เศรษฐกิจ 3.มากราบตีนพี่น้องประชาชน ถ้าหากเกิน 20 นาทีจะไม่มีการเจรจาหรือตกลงกันอะไรอีก เมื่อครบกำหนดเวลาในเวลา 09.45 น. ไม่มีการทำตามข้อตกลงผู้ชุมนุมจึงผลักรถที่เจ้าหน้าที่นำเป็นแนวกั้น หลังจากนั้นได้มีคำสั่งจากทางผู้บังคับบัญชาว่า “คฝ. เตรียมจับกุม ไปจับคนดันรถ” จึงเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ คฝ. โดยเจ้าหน้าที่ คฝ.ใช้โล่ในการดันผู้ชุมนุมให้ออกไปจากแนวกั้น
10.00 น. พบแก๊สน้ำตาจากคฝ. ผู้ชุมนุมเตรียมเจรจา ก่อนที่ในเวลา 10.08 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ. ได้เข้าปะทะผู้ชุมนุมมีการรุมกระทืบผู้ชุมนุม และมีการยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมด้วย
ด้านมายด์ ภัสราวลี สมาชิกราษฎรหยุด APEC กล่าวต่อสื่อมวลชนกรณีที่เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม และขอให้ไปถึงผู้นำประเทศที่มาประชุม APEC ว่าให้มาดูเหตุการณ์การใช้ความรุนแรง ณ ตรงนี้ ทั้งนี้การยิงกระสุนยางของเจ้าหน้าที่กระทำในระยะประชิดในแนวระนาบอก และในตอนนี้มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บและถูกจับอย่างน้อย 6 คน
ในเวลา 10.24 น. รถเครื่องเสียงราษฎรหยุด APEC ประกาศว่ามีตัวแทนทูตจาก 5 ประเทศกำลังเดินทางมาบริเวณที่ชุมนุม
เวลา 11.02 น. พชร คำชำนาญปราศรัย เป็นภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารให้นานาประเทศถึงการมาชุมนุมครั้งนี้ที่เกิดจากการกระทำของรัฐบาลประยุทธ์
เวลา 12.05 น. ตัวแทนผู้ชุมนุมได้กล่าวว่าตามกฎหมายชุมนุมจะต้องมีการแจ้งการชุมนุมมาก่อน ซึ่งทางผู้ชุมรุมได้แจ้งไปเรียบร้อยว่าจะมีการชุมนุม 3 วันแล้ว ช่วงแรกมีการตกลงให้มีการชุมนุมได้ตำรวจจะกั้นไม่ให้เข้ามาเท่านั้น แต่ตำรวจตอนนี้ตำรวจให้มีการยกเลิกการชุมนุมภายใน 11.00 น. และตำรวจกำลังทำการละเมิดการชุมนุม ตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ ซึ่งตำรวจต้องมีการมาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม ซึ่งตำรวจใช้ความเคยชินจากการใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ฉุกเฉินและใช้กำลังต่าง ๆ กับผู้ชุมนุม ใช้กำลังกับผู้ชุมนุมเป็นการละเมิดกฎหมายการชุมนุมสาธารณะ และอุปกรณ์การควบคุมฝูงชนจะนำมาใช้โดยพละการไม่ได้จะต้องได้รับการอนุญาตจากศาลก่อน และยืนยันว่าจะปักหลักการชุมนุมจนกว่าจะมีการมาสลายการชุมนุมจากคฝ. และกินข้าวร่วมกันบนถนน
เวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีการยั่วยุจากผู้ชุมนุมและทางเจ้าหน้าที่ คฝ. ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้จึงเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ คฝ. รวมถึงมีการจับกุมแกนนำและผู้ชุมนุม โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า มีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 25 ราย ถูกควบคุมตัวไปที่สน.ทุ่งสองห้อง ในจำนวนนี้ 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูก คฝ.เข้าจับกุมและถูกยิงกระสุนยางเข้าตา โดย 1 คนคิ้วแตก อีกคนดวงตาถูกยิงเลือดออก ทั้งสองถูกพาไปรักษาที่ รพ.จุฬาภรณ์
เหตุการณ์ได้สงบลงในเวลาประมาณ 13.00 น. หลังแกนนำผู้ชุมนุมเข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ คฝ. และหลังจากนั้นเวลาประมาณ 13.30 น. มายด์ ภัสราวลี และ สมบูรณ์ คำแหง (ประธาน กป.อพช.) ได้แถลงการณ์การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกจำนวนผู้ชุมนุมที่ได้ที่รับบาดเจ็บ และยื่นข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับ ระหว่างการแถลงการณ์ทางฝั่งเจ้าหน้าที่ได้ทยอยนำตู้คอนเทนเนอร์มาวางกั้นถนนเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมสามารถเดินไปศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
มายด์ ภัสราวลี และ สมบูรณ์ คำแหง (ประธาน กป.อพช.) ได้แถลงการณ์เสร็จ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ได้กลับไปที่ลานคนเมือง ทั้งนี้ทางราษฏรหยุด APEC ได้ประกาศว่าจะมีไปให้กำลังใจและกดดันเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมทั้งหมดตั้งแต่เวลา 15.00 น. ที่สถานีตำรวจทุ่งสองห้อง
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...