“การกล่าวหาโดยนำเรื่องประกาศคณะราษฎร และประกาศข้อเรียกร้องของคณะก่อการล้านนา มาเชื่อมโยงกัน เพื่อทำให้กลายเป็นความผิดตามกฎหมายนั้นเป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลใด ๆ รองรับเลย”
ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ จันทร์เจือแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เข้าสอบปากคำ ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ และ รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ ในคดี 4 นักกิจกรรมและนักศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกล่าวหาในข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากกรณีอ่าน “ประกาศคณะราษฎร 2475” ระหว่างกิจกรรม “แห่ไม้ค้ำประชาธิปไตย ปักหมุดกระจายอำนาจ” ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566
ในคดีดังกล่าว ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ ชาติชาย ธรรมโม, วัชรภัทร ธรรมจักร, ธีราภรณ์ พุดทะสี และ เบญจภัทร ธงนันตา เมื่อวันที่ 2 พฤษจิกายน 2566 ทั้งหมด 6 ข้อกล่าวหา ทั้ง “ยุยงปลุกปั่นฯ” ตามมาตรา 116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, กีดขวางทางสาธารณะ, ใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ หลังการอ่านประกาศของคณะราษฎร ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2475 และคำประกาศของคณะก่อการล้านนา โดยผู้กล่าวหาอ้างว่าทำให้เข้าใจได้ว่า ผู้ต้องหากับพวก มีแนวคิดเชิญชวนบุคคลที่ได้รับฟัง เกิดความกระด้างกระเดื่อง ไม่เคารพกฎหมายหรืออาจล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
หลังรับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธ ทางผู้ต้องหาได้ยื่นคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือ โดยยืนยันว่าประกาศทั้งสองฉบับไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 116 เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออก อยู่ในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ประกาศคณะราษฎรก็เป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ มีการเผยแพร่อยู่ทั่วไป ไม่ได้ถูกห้ามเผยแพร่ ทั้งยังได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานนักวิชาการเพิ่มเติมในสาขาต่าง ๆ ทั้งทางรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และประวัติศาสตร์ โดยเสนอชื่อ อรรถจักร์ และ สมชาย ทางตำรวจจึงได้นัดหมายสอบปากคำนักวิชาการทั้งสองคน
ประเด็นหลักทางตำรวจได้สอบถามว่านักวิชาการทั้งสองว่าเคยอ่านประกาศคณะราษฏรฉบับที่ 1 มาก่อนหรือไม่ และอ่านแล้ว คิดว่าประชาชนที่ได้รับฟังจะออกไปกระทำผิดกฎหมายหรือไม่
นักวิชาการทั้งสองคนได้ให้ความเห็นว่า ประกาศดังกล่าวเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่รับรู้กันโดยทั่วไป และเผยแพร่อย่างกว้างขวางอยู่แล้ว ถูกใช้ในการเรียนการสอนทั้งทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยหรือวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ ถูกใช้ศึกษาในแง่มุมต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์ คิดไปไม่ได้ว่าเป็นความพยายามชักจูงให้ไปผิดกฎหมายใดๆ อีกทั้งการอ่านประกาศในโอกาสครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน ก็เป็นเพียงการสร้างความรับรู้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น
ส่วนประกาศคณะก่อการล้านนา ก็พบว่ามีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ อันเป็นเรื่องปกติในระบอบเสรีประชาธิปไตย ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการสร้างสวัสดิการให้ประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมไทยควรร่วมกันคิดและไตร่ตรองมากกว่า
อรรถจักร์กล่าวเพิ่มเติมว่า การกล่าวหาโดยนำเรื่องประกาศคณะราษฎร และประกาศข้อเรียกร้องของคณะก่อการล้านนา มาเชื่อมโยงกัน เพื่อทำให้กลายเป็นความผิดตามกฎหมายนั้นเป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลใด ๆ รองรับเลย
โดยการเข้าสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากวันที่ 24 มิถุนายน 2566 เวลา 15.00 น. กลุ่ม ‘ก่อการล้านนาใหม่’ จัดกิจกรรม “แห่ไม้ค้ำประชาธิปไตย ปักหมุดกระจายอำนาจ” เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ลานสามกษัตริย์ โดยประกาศ 3 ข้อเรียกร้องได้แก่ การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ, กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และผลักดันรัฐสวัสดิการ
ภายในกิจกรรมแห่ไม้ค้ำประชาธิปไตย ปักหมุดกระจายอำนาจมีขบวนบรรทุกไม้คำสะหรี (ไม้ค้ำโพธิ์) และสัญลักษณ์หมุดราษฎร ปี 2563 ไว้บนรถกระบะกว่า 10 คัน โดยระหว่างทางตัวแทนกลุ่มได้กล่าวถึงความสำคัญของวันอภิวัฒน์สยาม เมื่อปี 2475 ที่นำโดยกลุ่มคณะราษฎร และพูดถึงความสำคัญของการกระจายอำนาจจากรัฐส่วนกลาง เพื่อการกำหนดชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอคอยอำนาจจากรัฐส่วนกลางหรือกรุงเทพฯภายในกิจกรรมมีขบวนบรรทุกไม้คำสะหรี (ไม้ค้ำโพธิ์) และสัญลักษณ์หมุดราษฎร ปี 2563 ไว้บนรถกระบะกว่า 10 คัน โดยระหว่างทางตัวแทนกลุ่มได้กล่าวถึงความสำคัญของวันอภิวัฒน์สยาม เมื่อปี 2475 ที่นำโดยกลุ่มคณะราษฎร และพูดถึงความสำคัญของการกระจายอำนาจจากรัฐส่วนกลาง เพื่อการกำหนดชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอคอยอำนาจจากรัฐส่วนกลางหรือกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ในช่วงท้ายของกิจกรรมที่ลานสามกษัตริย์ ตัวแทนได้อ่านประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 และอ่านคำประกาศคณะก่อการล้านนาด้วยคำเมือง ก่อนร่วมกันจุดเทียนวางไว้หน้าสัญลักษณ์ราษฎร 2563 ทั้งนี้ในช่วงท้ายของกิจกรรมที่ลานสามกษัตริย์ ตัวแทนได้อ่านประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 และอ่านคำประกาศคณะก่อการล้านนาด้วยคำเมือง ก่อนร่วมกันจุดเทียนวางไว้หน้าสัญลักษณ์ราษฎร 2563
ข้อมูล
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...