22 ธันวาคม 2565
เครือข่ายภาคประชาชนสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) , สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) , มูลนิธิผสานวัฒนธรรม , องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี (HAP) , กลุ่มด้วยใจ , มูลนิธิดิจิทัลเพื่อสันติภาพ , มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ , เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) , สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP) ออกแถลงการณ์ภาคประชาชนรอคอยการบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหายฯเนื้อหาว่า
หลังจากที่รอคอยมากว่า 15 ปี นับถอยหลังเป็นเวลาอีก 60 วันที่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 (120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565) พระราชบัญญัตินี้เป็นกฎหมายอนุวัติการที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญา CAT และ อนุสัญญา CED. โดยได้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรด้วยมติเอกฉันท์ไปเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ มีบทบัญญัติสำคัญที่กำหนดให้การทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรี และการกระทำหรือบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดอาญา ซึ่งนอกจากจะมีผลในการป้องกันและปราบปรามการทรมาน การฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม (extra-judicial killing) และบังคับสูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว ยังมีบทบัญญัติที่จะมีผลในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในชั้นพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการอย่างมาก เช่น กำหนดให้ในการจับกุมบุคคล ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่จะต้องมีกล้องติดตามตัว หรือ Body Cam เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทรมานหรือการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งเจ้าหน้าที่ที่จับกุมคุมขังบุคคลต้องแจ้งให้หน่วยงานอื่น เช่น ฝ่ายปกครองและอัยการทราบเกี่ยวกับการควบคุมตัวทันที พร้อมทำบันทึกรายละเอียดของการจับกุมและควบคุมตัว เพื่อให้ครอบครัวของผู้ถูกจับและทนายความตรวจสอบได้ ซึ่งจะไม่เพียงเป็นประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ถูกจับกุมคุมขังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่สุจริต ในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดด้วย กฎหมายยังให้ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งพิจารณาคดีที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในอำนาจของศาลทหารตกเป็นจำเลยด้วย นอกจากนี้กฎหมายยังกำหนดให้รัฐมีมาตรการต่างๆ ในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้เสียหาย ทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ ร่างกาย และจิตใจด้วย
การที่รัฐสภาได้ตราพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ได้รับความชื่นชมจากประชาชน องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศและนานาประเทศอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีที่สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNOHCHR) ชื่นชมประเทศไทยที่ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ นี้
เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. 2565 องค์กรภาคประชาสังคมได้แก่ สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี(HAP) กลุ่มด้วยใจ มูลนิธิดิจิทัลเพื่อสันติภาพ มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP) และเครือข่ายผู้เสียหายจากทรมานอุ้มฆ่าและอุ้มหาย จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้ให้กฎหมายดังกล่าวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนงบประมาณที่เพียงพอ รวมถึงฝึกอบรมกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่และเผยแพร่ต่อประชาชน เพื่อการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อประชาชนและนานาชาติ ว่า พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 อย่างแน่นอน
***อนุสัญญา CAT
อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (พ.ศ. 2544) Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment (CAT)
***อนุสัญญา CED.
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance (ICPPED)
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...