เรื่อง : ณัฏฐวรรธน์ คล้ายสมมุติ
ตั้งแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวนาภาคกลางและชาวนาภาคเหนือตอนล่างรวมตัวประท้วงรัฐบาล เหตุจากราคาข้าวตกต่ำมาตั้งแต่เดือนมกราคม จากรายงานของ Thai-pbs ประเมินว่ามีชาวนาเข้าร่วมการประท้วงมากกว่า 1,000 คน โดยรวมตัวกันที่สะพานเดชาติวงศ์ จ.นครสวรรค์ เรียกร้องการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ พร้อมกันนี้ยังมีการชุมนุมที่ว่าการอำเภอชุมแสง จ.นครสวรรค์ ควบคู่ไปด้วย
ขณะที่ จังหวัดพิจิตร ชาวนาประมาณ 2,000 คน รวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อเรียกร้องการประกันราคาข้าวที่ตกต่ำ
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาชาวนา 3 อำเภอที่จังหวัดพิษณุโลกก็มีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องกับปัญหาราคาข้าวตกต่ำในช่วงนี้ และยื่นข้อเสนอให้แก่รัฐบาลเช่นกัน
ต่อมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ตัวแทนกลุ่มชาวนา และเกษตรกรหลายจังหวัด ทั้งจังหวัด พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี พิจิตร กำแพงเพชร รวมตัวกันปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ ล่าสุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ รับปากข้อเรียกร้องของชาวนาว่า จะนำข้อเรียกร้องไปพิจารณาในที่ประชุม คณะกรรมการนบข.ชุดใหญ่ พร้อมเชิญตัวแทนชาวนาไปหารือกันบนห้องประชุม
ตัวเลขราคาข้าวเปลือก วันที่ 22 กุมภาพันธ์ จากสมาคมโรงสีข้าวไทย ราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ 9,600 บาทต่อตัน และมีแนวโน้มจะลดลงอีก ทั้งที่เมื่อเดือนกันยายน 67 ราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ประมาณ 11,000 ถึง 12,000 บาท เพียง 5 เดือน ราคาข้าวเปลือกกลับลดลงไปเกือบ 2 พันบาท หากขายรวมกันหลักสิบถึงหลักร้อยตัน ชาวนาจะสูญเสียรายได้ไปกว่า 2 แสนบาท และมูลค่าความเสียหายจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณข้าวที่ชาวนาเก็บเกี่ยวได้
กระนั้น อะไรที่ทำให้ชาวนาต้องสูญเสียเงินส่วนนี้ไปล่ะ และอะไรเป็นสาเหตุให้ชาวนาไม่เก็บเกี่ยวข้าวตั้งแต่เดือนกันยายนที่ราคาขึ้นไปสูง
หากถามอย่างง่ายที่สุด อะไรเป็นสาเหตุให้ชาวนาเหล่านี้ต้องเก็บเกี่ยวในช่วงที่ราคาตกต่ำที่สุด?
วงรอบการทำนาข้าวภาคเหนือตอนล่าง
วงรอบในการทำนาภาคกลางส่วนใหญ่สามารถแบ่งออกเป็นการทำนาข้าวสองแบบคือ ข้าวนาปี หรือข้าวนาน้ำฝน เป็นข้าวที่ปลูกในฤดูการทำนาปกติ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมและเก็บเกี่ยวสิ้นสุดไม่เกินกุมภาพันธ์
ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ ระบุสถานการณ์การผลิตข้าวนาปี ปีเพาะปลูก 2566-67 ของจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี มีเนื้อที่เพาะปลูกจำนวนถึง 7,399,679 ล้านไร่
ส่วน ข้าวนาปรัง เป็นข้าวที่ปลูกนอกฤดูการทำนาปกติ เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม นิยมปลูกในพื้นที่ที่มีการชลประทานที่ดี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำนาในแถบพื้นที่ราบลุ่มน้ำ
การศึกษาเรื่อง ดิน น้ำ ข้าว และชาวนา : ชาติพันธ์ุวรรณนาของชาวนาบางระกำ โดย ฐานนิดา บุณวรรโณ นักมานุษยวิทยาที่ศึกษาระบบเวลาของเกษตรกรในพื้นที่รับน้ำ ได้อธิบายความเปลี่ยนแปลงของการปลูกข้าวนาปรัง กล่าวคือ
เมื่อชาวนาสามารถทำนานอกฤดูกาล (นาปรัง) ได้และสามารถทำนาได้มากกว่าครั้งหนึ่งต่อปี การเปลี่ยนจากการทำนานอกฤดูกาลได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี การเปลี่ยนจากการคิดถึงการทำตามฤดูกาลนั้นมาเป็นเรื่องอายุเก็บเกี่ยวที่มีระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือนนั้น ทำให้ชาวนาต้องทำนาเร็วขึ้นในทุกขั้นตอนตั้งแต่การตระเตรียมแปลงไปจนถึงการเก็บเกี่ยว (น.45)
การผลิตข้าวนาปรังที่เป็นข้าวไร้แสง มันมีปัญหาที่ซับซ้อนมาก เพราะการปลูกข้าวนาปรังนั้น เป็นการผลิตที่รวดเร็ว และต้องลงทุนลงแรงในการดูแลอีกมาก ทั้งต้องระแวดระวังเชื้อราในข้าว การลงทุนกับปุ๋ย ยาฆาแมลงเพื่อป้องกันข้าว
จากการพูดคุยกับ ลุงเอ (นามสมมุติ) ชาวนาจังหวัดนครสวรค์ อธิบายเงื่อนไขของการทำนาปี-นาปรัง ว่า “ถ้าพื้นที่ไหนเป็นที่ดอน มันเป็นพื้นที่ที่มันไกลจากที่ราบลุ่มแม่น้ำ ส่วนใหญ่พวกเขาจะทำนาปีกัน เพราะได้ผลผลิตที่ดีกว่า แต่บางคนเขาก็ทำทั้งนาปี-นาปรัง แต่เขาต้องมีสระน้ำเป็นของตัวเอง มันใช้น้ำเยอะ พวกทำนาที่ลุ่มเลยได้เปรียบ”
ลุงเอเล่าต่อ “ข้าวนาปรังส่วนใหญ่นิยมทำกันในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำ เขาต้องทิ้งนาไปช่วงหนึ่ง (เดือนกันยายน-พฤษศจิกายน) เพราะน้ำมันจะท่วม บางปีนะ น้ำมาก่อนเวลา ชาวนาก็เรียบร้อยเลย”
ในขณะเดียวกัน ปัญหาของพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ทำนาปรังก็มีเหมือนกัน นพดล มั่นศักดิ์ ผู้จัดการมูลนิธิโรงเรียนชาวนา จังหวัดนครสวรรค์ ให้ความเห็นว่า “ชาวนาที่เดือนร้อนในช่วงนี้มักมาจากพื้นที่ตูดกระทะ ไม่ใช่ปากกระทะอย่างภาคเหนือ-อีสาน พื้นที่ตูดกระทะคือแถบพิษณุโลกลงมาถึง พิจิตร นครสวรรค์ อยุธยา พื้นที่พวกนี้ชาวนาเขาทำนาปรังกัน มันมีปัญหาเดียวกันหมด”
นพดล ให้ความเห็นต่อประเด็นชาวนาออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่า “ผลกระทบจากราคาข้าวในตลาดโลกตอนนี้มันต่ำมาก มันไม่คุ้มกับราคาต้นทุน ตอนนี้เท่าที่ติดตามราคาข้าวมัน 5800-6500 บาท รัฐบาลไม่ได้มีโครงการประกันราคาข้าวมา 2 ปีแล้ว พอราคาข้าวตก มันก็ไม่มีอะไรมาเยียวยา อย่าลืมว่าชุมแสงเป็นทุ่งใหญ่ของข้าวนาปรัง เพราะชาวนาทำนาปีไม่ได้ น้ำมันท่วมช่วงหน้าฝน ต้องปล่อยให้น้ำท่วมถึง 3-4 เดือนเลย”
วงรอบราคาข้าวที่ผันผวน
ความผันผวนของราคาข้าว ต้องเปรียบเทียบกับ 2566 เพราะเป็นราคาในภาวะปกติของการทำนาข้าว ซึ่งปี 2567 นั้นเป็นเป็นภาวะที่ราคาผลผลิตที่ไม่ปกติ เพราะเป็นผลมาจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในอินเดีย ราคาข้าวในประเทศไทยจึงสูงกว่าภาวะปกติ
จากการเปรียบเทียบ ราคาในปี 2566 เราจะเห็นได้เลยว่า รอบการเก็บเกี่ยวข้าวของชาวนาทั้งสี่จังหวัดจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่สุด โดยราคาดังกล่าวยังนับรวมปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้มูลค่าต่ำลงอีก อาทิ ความชื้นของข้าวเปลือก คุณภาพของข้าว หรือปริมาณการผลิตที่ผลิตได้ต่อปี เป็นต้น
ชาวนาที่ได้รับผลกระทบจึงเป็นชาวนาที่จำเป็นต้องทำนานอกฤดูกาล เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้จำเป็นต้องปล่อยให้น้ำเข้าท่วมนาของพวกในช่วงเวลาที่ราคาข้าวเปลือกพุ่งขึ้นสูงสุด
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่ผ่านมาราคาข้าวไทยลดลงไปเรื่อยๆ แล้วเกือบ 200 ดอลลาร์ สาเหตุมาจากอินเดียกลับมาส่งออกซึ่งสถาการณ์ขณะนี้เป็นการขีดเส้นที่ชัดว่าสิ้นสุดยุคทองการส่งออกข้าวแล้ว เนื่องจากอุปทานจากอินเดีย 6 ล้านตัน (ข้าวขาว) ที่เคยหายไปจากตลาดเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้กลับเข้าสู่ตลาดแล้ว
“ราคาที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ก็คือราคาที่เคยเป็นมาแล้วเมื่อ 1-2 ปีก่อน ซึ่งเป็นภาวะตลาดปกติที่ต้องกลับเข้าสู่การแข่งขัน แต่ยอมรับว่าเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงเพราะ อินเดียมีผลผลิตที่ดีในรอบ 10 ปี และอินเดียยังมีสต๊อกเต็ม จึงพร้อมมากสำหรับข้าวในปีนี้”
นพดลยังเล่าถึงปัญหาชาวนาที่ได้รับผลกระทบต่อราคาข้าวในช่วงนี้ว่า “หากเอาราคาข้าวมาบวก ลบ คูณ หาร มันไม่คุ้มกับต้นทุน รัฐปล่อยให้กลไกตลาดโลกมาควบคุมโดยที่ไม่ได้ประกันชีวิตให้กับพวกเขาเลย ชาวนาตอนนี้เลยไม่รู้ว่าจะทำนาไปทำไม ทำนาต่อไม่ได้ อันนี้ไม่รวมปัญหารายบุคคลนะ ไหนจะหนี้สินครัวเรือนอีกอะไรอีก”
“ชาวนาเขาไม่ออกมาทุกปีนะ แต่ปีนี้มันไม่ไหวจริงๆ” นพดล กล่าวทิ้งท้าย
จากข้อมูลดังกล่าว ยังไม่รวมต้นทุนการผลิตทั้งค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่าน้ำมัน ค่าจ้างว่านไถ ค่าเก็บเกี่ยว ฯลฯ และสภาพอากาศที่ผันผวนในทุกๆ ปี ชาวนาต้องแบกกระดูกสันหลังตนเองจากสิ่งเหล่านี้อีกจำนวนมหาศาล
ชาวนาจึงอยู่ในสภาวะปริ่มน้ำที่ลอยคอรอการช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา และไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้เลย ต่อจากนี้การแก้ไขปัญหาจะเป็นอย่างไรนั้นต้องติดตาม และหวังว่าทางรัฐบาลจะแก้ปัญหาในระยะยาว มิเช่นนั้น ชาวนาก็จะอยู่กับวงจรแห่งความจนต่อไป
หมายเหตุ. งานชิ้นนี้มิได้รวมชีวิตของชาวนาที่ไปทำอาชีพอื่นนอกภาคเกษตร ในระหว่างการทำนาและการทำการเกตรชนิดอื่นที่ผสมไปกับการทำนา เพราะเกินขอบเขตที่จะเขียนถึง
อ้างอิง
- ฐานิดา บุญวรรโณ. ดิน น้ำ ข้าว และชาวนา : ชาติพันธ์ุวรรณนาของชาวนาบางระกำ. พิษณุโลก: หน่วยวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 2562.
- มูลนิธิชัยพัฒนา. ข้าว. https://www.chaipat.or.th/publication/publish-document/tips/40-3.html. เข้าถึงเมื่อ 18/2/2568.
- The Avtive. ‘ม็อบชาวนา’ บุกทำเนียบ ทวง นายกฯ แก้ราคาข้าวตกต่ำ. https://theactive.thaipbs.or.th/news/agriculture-20250219. เข้าถึงเมื่อ 19/2/2568.
- กรุงเทพธุรกิจ. ราคาส่งออกข้าวร่วงหนักฉุดข้าวเปลือกเจ้า 25% หลุด 8 พันบาท. https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1167729. เข้าถึงเมื่อ 21/2/2568.
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...