เปิดเครือข่ายธุรกิจสีเทากองทัพกะเหรี่ยง BGF [2] เครือข่ายศูนย์หลอกลวงออนไลน์ด้วยความร่วมมือกับจีนเทาและพวกพ้อง

เว็บไซต์ Justice For Myanmar ได้เผยแพร่บทความที่ระบุถึง กองทัพกะเหรี่ยงที่เข้าร่วมกับ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน Border Guard Force (BGF) หรือกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง Karen National Army (KNA) ที่ในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธที่เข้าร่วมกับกองทัพเมียนมา   ได้ก่อการละเมิดและก่ออาชญากรรมสงคราม โดยการสังหารพลเรือน ข่มขืน ทรมาน การกักขังโดยพลการ บังคับพลเรือนไปเป็นลูกหาบระหว่างการสู้รบ การขู่กรรโชกและยึดที่ดินชาวบ้าน ทั้งนี้พวกเขายังควบคุมกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น คาสิโน การพนันออนไลน์ และศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม Gang Call Center โดยใช้แรงงานจากการหลอกค้ามนุษย์ข้ามชาชาติ นอกจากนี้ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้กระทำปฏิบัติการที่โหดเหี้ยมทารุณร่วมกับกองทัพเมียนมาอีกด้วย 

อ่าน เปิดเครือข่ายธุรกิจสีเทากองทัพกะเหรี่ยง BGF  [1] : กำเนิดธุรกิจมืด และ เปิดเครือข่ายธุรกิจเทากองทัพกะเหรี่ยง BGF [3]: ‘ไทย’ แหล่งพลังงานให้ศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์และธุรกิจอื่นๆ ในรัฐกะเหรี่ยง

เมืองหย่าไท้นิวซิตี้ (Yatai New City) 

ชเวโก๊กโก่ได้พัฒนากลายเป็นศูนย์ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติผ่านการเป็นหุ้นส่วนกับ เสอจื้อเจียง (She Zhijiang หรือ เกรียง ไก ทัง, เสอ หลุน ไค่, ดีแล่น เสอ หรือในนามแฝงอื่นอีกมากมาย) เสอจื้อเจียง เป็นนักธุรกิจชาวจีนซึ่งได้รับสัญชาติกัมพูชาในปี 2017 และถูกจับในประเทศไทยเมื่อปี 2022 จากหมายจับนานาชาติ ในขณะนี้เขากำลังรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปที่ประเทศจีนเพื่อให้การในคดีธุรกิจพนันออนไลน์ เสอจื้อเจียงยังถูกคว่ำบาตรโดยสหราชอาณาจักในปี 2023 จากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ที่ชเวโก๊กโก่

เว็บไซต์ของหย่าไท้ อ้างว่าโครงการที่เรียกว่า “Yatai Smart Industrial New City (Yatai New City) มีพื้นที่ครอบคลุม 130,000 เอเคอร์ มีเงินลงทุน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐรวมถึงมีพื้นที่เพื่อบล็อคเชน, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, การค้า, สันทนาการและการท่องเที่ยว” แม้ว่าบริษัทกล่าวว่าเรื่องนี้หมายถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งกล่าวถึงหลายครั้งในหลายรายงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วพื้นที่นี้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษตามกฎหมายในเมียนมา

สัญญาเบื้องต้นของหย่าไท้นิวซิตี้ระหว่างซาน มยินและเสอจื้อเจียงเมื่อปี 2016 ที่มา:วีดิโอโปรโมทหย่าไท้นิวซิตี้

ซาน มยินและเสอจื้อเจียงในฐานะหย่าไท้ฟิลิปปินส์เซ็นสัญญาข้อตกลงเบื้องต้นในเดือนธันวาคม ปี 2016 ตามมาด้วยพิธีเซ็นสัญญาโครงการระหว่างทั้งสองฝ่ายในเดือนกันยายน ปี 2017 ที่งานการประชุมของสหพันธ์ผู้ประกอบการจีนในต่างประเทศที่ย่างกุ้ง เสอจื้อเจียงถูกเชิญจากสีกั๋วเซียง (Xie Guoxiang) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจและธุรกิจของสถานทูตจีนในย่างกุ้ง นอกจากนี้ซาน มยินยังบรรยายในการประชุมเกี่ยวกับชเวโก๊กโก่และเสนอการสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการจีนที่ลงทุนในรัฐกะเหรี่ยง

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017 เสอจื้อเจียงและกองทัพกะเหรี่ยง BGF ได้ก่อตั้งบริษัทหย่าไท้เมียนมา (Myanmar Yatai International Holding Group Company Limited) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการหย่าไท้นิวซีตี้ในชเวโก๊กโก่ ซอ มิน มิน อู ลูกชายของ ซาน มยิน ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารและถือหุ้นในส่วนของ BGF/KNA แต่เพียงผู้เดียว นอกจากเสอจื้อเจียงแล้วหย่าไท้เมียนมายังมีชาวมาเลเซียสองคนที่เป็นผู้อำนวยการและถือหุ้นจำนวนน้อยกว่าคือ ลิ้ม จุน จี๋ (Lim Jun Jie) และ โช เทียน หยู (Chow Tian Yu) จากรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ซึ่งสถานที่อยู่อาศัยของทั้งคู่เป็นอพาร์ทเมนต์ค้างเคียงใน DC Residensi condominium ที่หรูหราตั้งอยู่ในย่านกลางเมืองที่มีราคาสูงของกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย

หย่าไท้อธิบายธุรกิจของตนเองว่าจดทะเบียนที่ฮ่องกงและมีสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร สำหรับบริษัทที่ฮ่องกงชื่อว่า Yatai International Holding Group Limited จดทะเบียนขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม ปี 2024 โดยมีเกรียง ไก ทัง (ชื่อกัมพูชาของเสอจื้อเจียง) เป็นประธานบริษัทและผู้ถือหุ้นแต่เพียงผู้เดียว ที่อยู่ของเสอจื้อเจียงตามข้อมูลบริษัทที่ลงทะเบียนฮ่องกงคือเขตห้วยขวางในกรุงเทพมหานคร บริษัทของเขาในฮ่องกงก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม 2017 โดยหวังซื่อห่าว (Wang Zihao) ถือสัญชาติจีนเป็นประธานบริษัทและผู้ถือหุ้นแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเขามีที่อยู่ในหูหนานซึ่งเป็นบ้านเกิดของเสอจื้อเจียงเช่นเดียวกัน

บริษัทหย่าไท้ของประเทศไทยคือช บริษัท หยา ไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเมื่อเดือนธันวาคมปี 2017 และเลิกกิจการในปี 2023 ชื่อของประธานบริษัทที่ปิดตัวลงในปีนั้นคือ เฉลิมชัย อยู่คำ ประชาชนไทย และมีผู้ถือหุ้นสัญชาติกัมพูชา 1 คนและสัญชาติจีน 2 คน แต่ชื่อของผู้ถือหุ้นเหล่านี้ไม่ได้ถูกเปิดเผย กระนั้นผู้ถือหุ้น 98% คือเสอจื้อเจียงซึ่งแปลงสัญชาติเป็นกัมพูชา บริษัทหย่าไท้ที่ประเทศไทยก็มีที่อยู่ที่ห้วยเช่นเดียวกับฮ่องกง อย่างไรก็ตามในเว็บไซต์ของหย่าไท้ได้ลงข้อมูลที่อยู่ตนเองไว้ที่ Bizotel Bangkok ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 30 ห้องในกรุงเทพมหานคร เขตพญาไท ทั้งนี้ Bizotel ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับที่อยู่ของออฟฟิศหย่าไท้

ในปี 2018 การยื่นขอลงทุนภายใต้ชื่อเกรียง ไก ทัง (ชื่อกัมพูชาของเสอจื้อเจียง) โดยเมียนมาหย่าไทยได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการการลงทุนเมียนมาให้ลงทุนด้วยเม็ดเงิน 22.5 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการ “ก่อสร้าง ปฏิบัติการ และการเช่าวิลล่าระดับหรูหรา” ในปีนั้นเครือข่ายสนับสนุนสันติภาพกะเหรี่ยง (Karen Peace Support Network) โดยมีการประมาณการว่ามีแรงงานกว่า 10,000 คนซึ่งส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในโครงการนี้

รัฐบาลเมียนมาที่นำโดยรัฐบาลพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย (National League for Democracy party) ได้เริ่มปฏิบัติการสอบสวนการพัฒนาของหย่าไท้ในปี 2020 เนื่องจากภาคประชาสังคมและสื่อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องการยึดที่ดิน ความไม่โปร่งใสของโครงการและรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมาย ทำให้การก่อสร้างหยุดลงและกดดันปฏิบัติการลักลอบขนของเถื่อนของกองทัพกะเหรี่ยง BGF อย่างไรก็ตาม BGF ได้เซ็นสัญญากับกองทัพเมียนมาหลายอาทิตย์ก่อนหน้าการรัฐประหารโดยทหารเพื่อแลกเปลี่ยนกับการทำธุรกิจ ทำให้การก่อสร้างในชเวโก๊กโก่ดำเนินการต่อไป

ภายหลังการจับกุมของเสอจื้อเจียงที่ประเทศไทยในปี 2022 บริษัทเมียนมาหย่าไท้ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบางกอกโพสต์ (Bangkok Post) และเดอะเนชั่น (The Nation) เพื่อปฏิเสธความเกี่ยวข้องของบริษัทเกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมายและประกาศว่าบริษัทดำเนินการ “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกกฎหมาย” ในชเวโก๊กโก่ และทิ้งท้ายว่าในเดือนธันวาคม ปี 2020 รัฐบาลเมียนมาวางแผนพัฒนาชเวโก๊กโก่ขึ้นเป็นเมือง

ในปี 2023 สหราชอาณาจักรคว่ำบาตรเสอจื้อเจียงเนื่องจาก “มีความรับผิดชอบกับการสนับสนุนหรือได้รับผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ไปยังชเวโก๊กโก่… ซึ่งเหยื่อถูกบังคับให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์ที่มีเป้าหมายเป็นผู้พูดภาษาอังกฤษ และยังถูกทรมาณ ละเมิดทางร่างกาย อีกทั้งได้รับการดูแลที่โหดร้ายและทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” หย่าไท้ตอบโต้การคว่ำบาตรของสหราชอาณาจักรด้วยการย้ำว่าคณะกรรมการการลงทุนเมียนมาอนุญาตให้พัฒนาพื้นที่ และเสนอว่าสหราชอาณาจักรอาจส่งตัวแทนมาทำการสืบสวนในสถานที่ของหย่าไท้นิวซิตี้

แม้ว่าเสอจื้อเจียงถูกจับและมีการคว่ำบาตรจากสหราชอาณาจักร หย่าไท้ยังดำเนินการยึดครองร้านขายชาในสนามบินแม่สอด โดย Justice For Myanmar ได้ถามคำถามในกรณีดังกล่าวถึงสนามบินแม่สอดที่บริหารโดยกรมท่าอากาศยานภายใต้กระทรวงคมนาคมและกรมท่าอากาศยาน แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับร้านของหย่าไท้

ร้านหย่าไท้ในสนามบินแม่สอด ที่มา:เว็บไซต์กรมท่าอากาศยาน

หย่าไท้ยังบริหารโรงแรมตึกสูงที่หรูหราและคาสิโนในชเวโก๊กโก่ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ในปี 2024 โดยตรวจสอบจากโพสต์หางานและเพจเฟสบุ๊คของโรงแรม จากข้อมูลโดยย่อของหัวหน้าแผนกต้อนรับส่วนหน้าจากแพล็ทฟอร์ม Likedin อธิบายถึงโรงแรมคาสิโนที่มีห้องบริการเพรียบพร้อมกว่า 118 ห้อง ใช้ OPERA ซึ่งเป็นระบบ Oracle จากบริษัทสหรัฐฯ บริหารโรงแรม Justice For Myanmar ไม่ได้รับการตอบรับจาก Oracle เกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์โดยหย่าไท้ เมื่อไม่มีการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ หย่าไท้จึงสามารถซื้อซอฟต์แวร์จากบริษัทสหรัฐฯได้

หย่าไท้อ้างว่ากลุ่มธุรกิจของตนมีทรัพย์สินทั้งหมดกว่าสามพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีพนักงานมากกว่า 3,500 คน จากแหล่งข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ชี้ให้เห็นว่าเมียนมาหย่าไท้ซึ่งได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการการลงทุนเมียนมาให้ลงทุนในชเวโก๊กโก่ มีความเป็นไปได้ว่าการดำเนินธุรกิจของเมียนมาหย่าไท้อาจไม่มีการบันทึกเป็นรายลักษณ์อักษร รายงานการเงินระหว่างปี 2019-2022 ของเมียนมาหย่าไท้ไม่มีรายได้และมีเพียงรายจ่ายทั่วไปคือเงินเดือน รายงานจากวันที่ 1 ตุลาคม 2019 ถึง 31 มีนาคม 2022 ซึ่งเซ็นรับรองโดย ซอ มิน มิน อู ยื่นให้กับกรมสรรพากรเมียนมาซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเผด็จการทหารในปี 2022 ในรายงานนี้รายงานเล็กน้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้ และบริษัทมีรายจ่าย 13.8 ล้านจ๊าด (9,170 ล้านเหรียญสหรัฐตามอัตราแลกเปลี่ยนที่บริษัทระบุไว้) ในช่วง 6 เดือนแรกจนถึง 31 มีนาคม ปี 2022 มีรายจ่าย 26.8 ล้านเหรียญ (17,852 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2020-2021 และ 40 ล้านจ๊าด (26,676 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2019-2020 โดยรวมแล้วบริษัทนี้ขาดทุนจากวันที่เปิดถึง 31 มีนาคม 2022 เป็นจำนวนเงินเพียง 1.07 พันล้านจ๊าด (714,644 เหรียญสหรัฐ) เท่านั้น

ในช่วงเวลาเดียวกับเมียนมาหย่าไท้มีบัญชีธนาคารเพียงบัญชีเดียวในเมียนมา ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารของ CB Bank ที่มีเครือข่ายธุรกิจพวกพ้องเผด็จการทหารและมีการเดินบัญชีน้อยครั้ง ในวันที่ 1 ตุลาคม 2019 บัญชีนี้ได้เปิดด้วยเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ ในปีนั้นมีการฝากเงินเพิ่มเติมจำนวน 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐและถอนออกเป็นเงินสดจำนวน 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีเงินคงเหลือในบัญชีบริษัท 38,999.9 เหรียญสหรัฐ และไม่มีความเคลื่อนไหวบัญชีอีกจนกระทั่งเดือนมีนาคม ปี 2022

สำหรับบริษัทหย่าไท้ในประเทศไทยก็มีความเคลื่อนไหวของบัญชีใกล้เคียงกัน ตัวอย่างเช่นตัวเลขที่สามารถเข้าถึงได้จากข้อมูลการลงทะเบียนของบริษัทไทยในปีงบประมาณ 2022 แสดงให้เห็นถึงกำไรจำนวน 975,000 บาท จากรายได้ 987,000 บาท

Justice for myanmar ยังระบุอีกว่ากองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA พูดคุยกับธนาคารในประเทศไทยหลายแห่งเพื่อสนับสนุนเงินทุนในชเวโก๊กโก่ แม้ว่า Justice For Myanmar จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าบรรลุข้อตกลงหรือไม่ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ตัวแทนของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เดินทางไปยังชเวโก๊กโก่” เพื่อสำรวจโอกาสสนับสนุนทางการเงินสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ” ภาพที่ถูกโพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค Chumroen Benchavitvilai (จำเริญ เบญจวิทย์วิไล) ซึ่งเป็นผู้ประสานงานคนไทยของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA แสดงถึงตัวแทนธนาคารเหล่านี้ มีบุคคลหนึ่งสวมเสื้อโปโลของธนาคารกสิกร และการเดินทางข้ามแดนด้วยเรือของ BGF/KNA ในเดือนเดียวกัน จำเริญ เบญจวิทย์วิไล เข้าร่วมการประชุมธุรกิจที่เซ็นธาราโฮเทลแอนด์รีสอร์ทในเมืองผาอันซึ่งเขาแนะนำ ซอ ฮทู เอ โม ลูกชายของ ซาน มยิน กับตัวแทนธนาคารไทยและ สุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ ทูตประเทศไทยประจำเมียนมาในขณะนั้น 

โดย Justice For Myanmar ได้เขียนจดหมายถึง ธนาคารกสิกร ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เกี่ยวกับการเดินทางไปชเวโก๊กโก่และสอบถามว่าพวกเขาได้สนับสนุนการเงินให้กับกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA หรือผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ 

มีเพียงตัวแทนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ที่ตอบกลับว่า “เราต้องการชี้แจงเพื่อความชัดเจนว่าธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจเกี่ยวกับกลุ่มที่ถูกกล่าวถึงและไม่ได้สนับสนุนทางการเงินให้กับโครงการใดในเมืองเมียวดีประเทศเมียนมา” แต่ไม่มีการตอบกลับจากธนาคารที่เหลือ

ตัวแทนของธนาคารต่าง ๆ เดินทางไปยังชเวโก๊กโก่ผ่านการข้ามแดนผิดกฎหมายเพื่อหารือเรื่องการเงิน ที่มา:เฟสบุ๊คของ Chumroen Benchavitvilai ปี 2020

หย่าไท้และกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง  BGF/KNA ได้ผลประโยชน์ มีความเกี่ยวข้องและสนับสนุนธุรกิจอื่นๆ ในการพัฒนา “นิวซิตี้” ซึ่งรวมถึงการสแกมและธุรกิจพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับอุตสาหกรรมออนไลน์ในชเวโก๊กโก่และเมืองเมียวดีที่กว้างขวางขึ้น อีกทั้งมีคนหลายพันที่ถูกค้ามนุษย์โดยถูกหลอกด้วยข้อเสนองานที่ถูกกฎหมายจากนั้นถูกกักขังอยู่ในอาคารและบังคับให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์ มีรายงานมากมายที่ระบุว่ามีการทุบตีและบังคับขู่เข็ญ ซึ่งเป็นการกระทำโดยทั่วไปของปฏิบัติการอาชญากรรมออนไลน์ แม้พนักงานที่เข้าทำงานอย่างเต็มใจก็ยังติดสัญญาที่ไม่สามารถยกเลิกได้หากไม่จ่าย “ค่าปรับ” ผู้หญิงจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้ถูกบังคับให้ขายบริการในที่สุด จากการสัมภาษณ์พนักงานสแกมเมอร์จากชเวโก๊กโก่สองคนโดย Frontier Myanmar พบว่า บริษัทที่พวกเขาทำงานนั้นบริหารโดยเมียนมาหย่าไท้ 

ผู้เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืน (CDM) ถูกหลอกให้ทำงานในศูนย์การหลอกลวงทางไซเบอร์ในชเวโก๊กโก่ให้สัมภาษณ์กับ The Irrawaddy ว่า “หลังจากคุณเข้าชเวโก๊กโก่ คุณต้องสัมภาษณ์งานกับหย่าไท้ก่อน เมื่อได้รับการอนุมัติจากหย่าไท้เท่านั้นจึงสามารถสมัครงานที่ศูนย์การหลอกลวงทางไซเบอร์ได้ ไม่มีบริษัทใดสามารถรับสมัครได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหย่าไท้” มีรายงานอีกว่า ยาเสพติดผิดกฎหมายนั้นสามารถเข้าถึงได้อย่างเสรีและใช้กันอย่างเปิดเผยในศูนย์การหลอกลวงทางไซเบอร์ของเมืองนี้

มีรายงานถึงการหยุดศูนย์การหลอกลวงทางไซเบอร์และธุรกิจพนันออนไลน์ชั่วคราวในชเวโก๊กโก่หลังอุตสาหกรรมนี้ถูกโจมตีในเมียนมาตอนเหนือในเดือนกันยายน ปี 2023 รายงานระบุว่าธุรกิจเหล่านี้เริ่มดำเนินการอีกครั้งในต้นปี 2024 และศูนย์ข้อมูลกะเหรี่ยง (Karen Information Centre) ให้ข้อมูลว่า ธุรกิจนี้ขยายตัวด้วยการย้ายจากเมืองเล่าก์ก่ายในเขตโกก้างมายังรัฐกะเหรี่ยง

ชิต ชิต ลูกชายของซาน มยิน ในชเวโก๊กโก่พร้อมรถเชฟโรเร็ตและฮัมเมอร์เป็นพื้นหลัง ที่มา:เฟสบุ๊ค Thaung Ying FC ปี 2022

Golden Winner (โกลเดน วินเนอร์) คาสิโนผิดกฎหมายแห่งหนึ่งในชเวโก๊กโก่ ก่อตั้งขึ้นและดำเนินการโดย Brian Colwell  (ไบรอัน โคลเวล) ชาวออสเตรเลีย คาสิโนนี้ลงทะเบียนในฮ่องกงภายใต้ชื่อ Destiny Global Group/Destiny Gaming Group (DGG Asia Limited) มีคำอธิบายบริษัทว่า “กลุ่มบริหารเกมที่ครบวงจรที่สุดในเอเชีย” ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ จากข้อมูลของเขาในแพล็ทฟอร์ม LinkedIn ไบรอัน ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการให้กับคาสิโนโกลเดน วินเนอร์ในชเวโก๊กโก่ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 ถึงเดือนธันวาคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเริ่มก่อตั้งและบริหารคาสิโน เขายังกลับมาทำงานในคาสิโนนี้ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการอีกครั้งในเดือนมิถุนายนถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 และในปี 2023

โคลเวลอธิบายว่าคาสิโนโกลเดนวินเนอร์เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Yatai development และคาสิโนใช้เงินสดเท่านั้น โคลเวลลงโฆษณาหางานของโกลเดนวินเนอร์จำนวนมากรวมถึงช่วงโควิด-19 อีกด้วย เขาเขียนโฆษณาคาสิโนใน LinkedIn ว่า “ในขณะที่คาสิโนส่วนใหญ่ลดการจ้างงานพนักงาน พวกเรากำลังขยายตัว” ในปีที่แล้วข้อความหางานจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ภายในระบบบริหารคาสิโนที่โคลเวลโพสต์ใน LinkedIn ระบุว่า “มีการประชุมแบบพบหน้าเป็นครั้งคราวในกรุงมะนิลา กับผู้มีส่วนได้เสีย” ทั้งนี้ในกรุงมะนิลาเป็นที่อยู่ของผู้อำนวยการ Destiny Gaming และผู้ควบคุมผู้ถือหุ้น ยอว์ ชี โชว์ Yaw Chee Cheow (Eric) สัญชาติมาเลเซีย ในกรณีของโกลเดนวินเนอร์การมีส่วนร่วมของ Destiny Gaming ช่วยปกปิดเจ้าของคาสิโน จากโพสต์ของโคลเวลแสดงให้เห็นว่าผู้พัฒนาคือโกลเดนวินเนอร์แต่ Justice For Myanmar ไม่สามารถหาชื่อบริษัทดังกล่าวในระบบของเมียนมาได้ หรือแม้แต่ในฮ่องกงหรือสิงคโปร์ DGG Network และโคลเวลไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับธุรกิจในเมียนมาหรือความเป็นเจ้าของโกลเดนวินเนอร์

โกลเดนวินเนอร์เป็นหนึ่งในหลายคาสิโนในเมืองเมียวดีในรัฐกะเหรี่ยง ในเดือนเมษายนรังสิมันต์ โรมสมาชิกผู้แทนราษฎรของไทยได้เปิดเผยว่าคาสิโนมากกว่า 17 แห่งในเมียวดีที่มีหุ้นส่วนธุรกิจเป็นคนไทย หรือมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทย เขาให้ตัวอย่างของโครงข่ายธุรกิจในเมียวดีที่เขากล่าวหาว่ามีเจ้าของเป็นอดีตพลตำรวจตรีของประเทศไทย สถานที่นี้ถูกรายงานว่าเป็นสถานที่ที่มีปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์ผ่านการมีตัวตนในเมียวดี ซึ่งกะเหรี่ยง BGF/KNA สามารถดำเนินคาสิโนที่สร้างมูลค่าเหล่านี้ได้ต่อไปด้วยความช่วยเหลือจากเผด็จการทหารเมียนมา

กระแสรายรับที่มีความสำคัญของกะเหรี่ยง BGF/KNA คือภาษีจากธุรกิจต่าง ๆ และแรงงาน ในชเวโก๊กโก่พวกเขาเก็บภาษีร้อยละ 10 จากธุรกิจต่างๆ รวมถึงภาษีพนักงานใหม่จำนวน 8,890 บาท ซึ่งจะถูกเก็บภาษีรายเดือน หลังจากกองทัพกะเหรี่ยง BGF เปลี่ยนชื่อเป็น KNA แล้ว หย่าไท้ได้โพสต์ผ่านแอพลิเคชั่น Telegram เป็นภาษาจีนในการประกาศขึ้นภาษีพนักงานจาก 1,000 เป็น 2,000 บาท ซึ่งหย่าไท้ไม่ได้ตอบคำถามใดจาก Justice For Myanmar

ยู่หลงเบย์ปาร์ค(Yulong Bay Park) และอพอลโล่ปาร์ค(Apollo Park)

กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ลงทุนโดยตรงกับศูนย์หลอกลวงออนไลน์อย่างน้อยสองแห่งผ่านบริษัท Myanmar Apollo International Investment Company Limited (อพอลโลปาร์ค) และ Yulong Bay Resort Tourism Development Company Limited (ยู่หลงเบย์ปาร์ค) จากการประเมินบันทึกของธุรกิจและข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ อพอลโลปาร์คและยู่หลงเบย์ปาร์คตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมยระหว่างเมืองเมียวดีและชเวโก๊กโก่ การก่อสร้างสถานที่ทั้งสองเกิดขึ้นในปี 2019 ซึ่งภาพถ่ายทางดาวเทียมจากชเวโก๊กโก่แสดงให้เห็นถึงการสร้างที่ดำเนินการต่อหลังจากการรัฐประหารเมียนมา และโพสต์และรายงานบนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นว่าสถานที่ทั้งสองยังดำเนินการและเป็นสถานที่ของการ “เชือดหมู” (การล่อลวงออนไลน์ด้วยความสัมพันธ์เชิงชู้สาว) และการสแกมรูปแบบอื่นๆ จากแรงงานที่มาจากการค้ามนุษย์

สมาชิกของช่องโซเชียลมีเดียที่ถูกใช้โดยผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ในเมียนมาได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องราวที่อธิบายการกักขังหน่วงเหนี่ยว การละเมิด และการบังคับให้ทำอาชญากรรมที่ยู่หลงเบย์ปาร์ค ซึ่งถูกเผยแพร่จากบทความของ Red Star News ซึ่งเป็นสื่อของจีนในปี 2023 ว่า เหยื่อชาวจีนที่ถูกเรียกว่า คุณหลี่ อธิบายว่าเขาถูกล่อลวงไปยังยู่หลงเบย์ปาร์คว่าจะได้งานที่มีค่าตอบแทนที่ดีในประเทศไทย หลังจากความพยายามที่จะหลบหนีและร้องเรียนไปยังคณะกรรมการบริหารของยู่หลงปาร์คล้มเหลว หลี่ถูกใส่กุญแจมือ ทรมาน และถูกเรียกค่าไถ่จากครอบครัวของเขา จากนั้นด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมของอาสาสมัครชาวจีนและการร้องเรียนกับตำรวจจีน เขาถูกช่วยเหลือและส่งกลับโดย “กองกำลังท้องถิ่น” ซึ่งน่าจะเป็นกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ผู้เป็นเจ้าของร่วมของยู่หลงปาร์ค และผู้ทรมาณหลี่ยังข่มขู่จะขายเขาไปยังอพอลโลปาร์คอีกด้วย

โพสต์และวีดิโอออนไลน์เกี่ยวกับปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ของยู่หลงเบย์แสดงให้เห็นป้ายทางเข้าอาคารภาษาพม่าว่า “ชเว ปะเดาก์ มไยง์” ในเดือนเมษายนสื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีแรงงานเมียนมากว่า 100 คนถูกไล่ออกเนื่องจากไม่สามารถกลับเข้าทำงานได้รวดเร็วพอหลังจากต้องหนีภัยจากความขัดแย้ง บทความนี้ยังกล่าวว่าบริษัทนี้ถูกดำเนินการโดยชาวจีนและบริหารคาสิโนในพื้นที่นี้

โดยผู้ถือหุ้นของบริษัท Yulong Bay Resort Tourism Development Company Limited ประกอบด้วย ซอ ฮทู เอ โม บุตรของซาน มยิน, ซอว์ โซ หล่าย อู และ ซอ มิน มิน อู ที่ถูกสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร อีกทั้ง ออซื่อหยาง (Aw Ziyang) (หรือที่รู้จักในนามหูซื่อหยาง)

Justice For Myanmar ไม่สามารถหาเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของยู่หลงเบย์ปาร์คได้ แต่อพอลโลปาร์คมีเพจเฟสบุ๊คภาษาจีนที่มีชื่อเต็มของบริษัทเป็นภาษาพม่าและมีตรา เพจนี้มีโฆษณาหางานซึ่งประกาศหางานสแกมเมอร์อย่างโจ่งแจ้ง รวมถึงรูปที่แสดงให้เห็นถึงอาคารสำนักงานที่ไม่สูงมาก ไนท์คลับและร้านสะดวกซื้อ โพสต์ภาษาจีนจากเดือนกันยายนปี 2021 อธิบายว่าอพอลโลปาร์คเป็นโครงการความร่วมมือทางทหารเพื่อป้องกันเขตปกครองของทหาร

โพสต์โซเชียลมีเดียหนึ่งอธิบายอพอลโลปาร์คว่าเป็นแหล่งการหลอกลวงออนไลน์ชื่อดัง และมีวีดิโอที่ถูกเผยแพร่ซึ่งอ้างว่าเปิดโปงตัวตนของเหล่าหัวหน้าของแหล่งการหลอกลวงออนไลน์นี้

ผู้ถือหุ้นของบริษัท Myanmar Apollo International Investment Company Limited ได้แก่ ซอ ฮทู เอ โม, โซ หล่าย อู, หลี่ ชุนหวน สัญชาติจีนจากเหอเป่ย และผู้อาศัยในรัฐกะฉิ่น 2 คนคือ ฮติน อ่อง และ วินไหน่ง์

กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ได้ผลประโยชน์จากศูนย์หลอกลวงออนไลน์จำนวนมากผ่านการตกลงทางธุรกิจที่ไม่เป็นทางการ การมีส่วนร่วมกับข้อตกลงที่ดิน และการสนับสนุนความปลอดภัยและการขนส่ง (สามารถดูได้ในข้อมูลส่วนสาธารณูปโภคข้างล่าง)

ตงเหมยปาร์ค (Dongmei Park)

กะเหรี่ยง BGF มีส่วนร่วมในตงเหมยปาร์ค (มักถูกกล่าวถึงว่า ตงเหมยโซน ในภาษาอังกฤษ และยังมีอีกชื่อว่า Saixigang Industrial Park เมื่อเปิดตัว) ศูนย์หลอกลวงออนไลน์นี้ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเมียวดี สภาพภายในศูนย์นี้ถูกเปิดโปงโดย New York Times ในเรื่องของชายชาวจีนที่ใช้ชื่อว่านีโอ ซึ่งถูกหลอกลวงว่าให้มาทำงานล่ามที่มีค่าตอบแทนสูงและบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์เกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่ภายใต้กลุ่มอาชญากรรมจีน เขาถูกกักขังในตงเหมยปาร์คเป็นเวลา 7 เดือน เขาอธิบายว่าตงเหมยปาร์ค “ตั้งเพื่อประกอบกิจกรรมผิดกฎหมายอย่างชัดเจน” มียาเสพติดขายอย่างเปิดเผยและมีอาคารเหมือนหอพักเป็นซ่องโสเภณี ศูนย์นี้ยังมีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาเพื่อป้องกันการหลบหนีโดยมีหอคอยตรวจการและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธในชุดทหารที่ประตูหลัก

หนึ่งในผู้ลงทุนหลักของตงเหมยปาร์คคือ หวันค็อคคอย Wan Kuok-koi หรือรู้จักกันในฉายา Broken Tooth และ หยินโกจู Yin Gouju อดีตผู้นำมาเฟียจีน 14K ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมจีนและมีหมายจับในมาเลเซีย โดยในวันต่อต้านคอรัปชั่นสากลปี 2020 สหรัฐฯได้คว่ำบาตรหวันค็อคคอย กลุ่มตงเหมย (ในรายการคว่ำบาตรของสหรัฐฯใช้ชื่อว่าบริษัท Dongmei Investment Group Company Limited) และสมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหงเหมินโลก (World Hongmen History and Culture Association) ประกาศกระทรวงการคลังสหรัฐแสดงให้เห็นว่าสมาคมนี้ “กำลังกระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” และอธิบายว่าสมาคมนี้เป็น”ความพยายามเพื่อทำให้ถูกกฎหมาย” ของกลุ่มมาเฟียจีน 14K

หวันค็อคคอยก่อตั้งตงเหมยปาร์คด้วยการร่วมทุนกับชาวมาเลเซียที่มีเส้นสายรวมถึง ดาโต๊ะ ดร.มาชิตา อิบราฮิม (Dato Dr Mashitah Ibrahim), ดาโต๊ะ อับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์ (Datuk Abdul Shakor bin Abu Bakar) ซึ่งเป็นสามีของมาชิตา, หยงมุนฮง(Yong Mun Hong), ดาโต๊ะ ศรี เหลืองคีฮวด (Dato Sri Liong Kee Huat) ทั้งนี้มาชิตา อิบราฮิมเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยในสำนักนายกรัฐมนตรีและเป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภาของพรรคองค์การมลายูรวมแห่งชาติหรือพรรคอัมโน (United Malays National Organisation:UMNO) จบการศึกษาปริญญาเอกด้านกฎหมายชารีอะห์ เขายังคงมีบทบาทกับพรรคอัมโน United Malays National Organization (UMNO) หลังจากเริ่มเกี่ยวข้องกับหวันค็อคคอยและกลุ่มตงเหมย ด้วยการลงสมัครเลือกตั้งในปี 2022 ในเขตกัวลาเคดาห์ซึ่งจบลงด้วยการแพ้การเลือกตั้ง มาชิตาอธิบายตนเองว่าเป็น “สตรีเหล็ก” ในโพสต์บนเฟสบุ๊คส่วนตัวเกี่ยวกับโครงการตงเหมย ดาโต๊ะ อับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์เป็นอดีตทูต สำหรับ ดาโต๊ะศรี เหลืองคีฮวด มีข้อมูลจากสมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหงเหมินโลกว่าเป็นที่ปรึกษาให้กับกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย 

กลุ่มตงเหมยจดทะเบียนบริษัทในฮ่องกงภายใต้ชื่อ Dongmei Investment Group Company Limited ซึ่งมีผู้อำนวยการและผู้ถือหุ้นสัญชาติมาเลเซีย 2 คนคือ ดาโต๊ะ อับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์ และ หยงมุนฮง บริษัทยังคงจดทะเบียนอยู่จากข้อมูลเดือนพฤษภาคม ปี 2024 แม้ว่าสหรัฐฯ จะคว่ำบาตรก็ตาม โดยตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมาดาโต๊ะศรี เหลืองคีฮวดแสดงตนว่าเป็นผู้ก่อตั้ง “กลุ่มตงเหมยฮ่องกง” แม้ว่าเขาไม่มีชื่อในบริษัทก็ตาม ในขณะที่กลุ่มตงเหมยดำเนินการในมาเลเซียและระดมทุนจากผู้ลงทุนชาวมาเลเซียเพื่อตงเหมยปาร์คในเมียนมา Justice For Myanmar ยังไม่พบบริษัทตงเหมยที่จดทะเบียนในมาเลเซีย

จากการวิเคราะห์รูปที่ถูกโพสต์ออนไลน์แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตงเหมยมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทสัญชาติมาเลเซีย Grand Commerce Network Sdn. Bhd. ซึ่งถือครองโดยมาชิตา อิบราฮิมผู้ถือหุ้นรายใหญ่และอับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์ ข้อมูลทางการเงินของบริษัทจากการลงทะเบียนแสดงให้เห็นว่าไม่มีรายได้ตั้งแต่ปี 2019-2023 และมีการเคลื่อนไหวทางการเงินเพียงเล็กน้อยเห็นได้ว่าบริษัทไม่มีความเคลื่อนไหว ยกเว้นปี 2020 เมื่อโครงการ Saixigang Industrial Park เปิดตัวบริษัท Grand Commerce จึงรายงานรายจ่ายจำนวน 766,586 ริงกิต (ประมาณ 5,905,126 บาท) ในปีงบประมาณ 2019-2020

แม้ว่าตงเหมยปาร์คจะพัฒนาช้ากว่าโครงการอื่นๆ แต่โครงการนี้มีเป้าหมายว่าจะเป็นศูนย์ขนาดใหญ่ครบวงจรที่มีพื้นที่กว่า 30,000 เอเครอ ในเมียวดีประกอบด้วยสถานบันเทิง โรงแรม และสำนักงาน การเปิดตัวของศูนย์นี้มีข้อมูลในโพสต์จากบัญชีแอพพลิเคชั่น WeChat ของสมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหงเหมินโลก และโพสต์จากเฟสบุ๊คส่วนตัวของมาชิตา อิบราฮิม

มาชิตา อิบราฮิม, อับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์ และเหลืองคีฮวต เดินทางมายังประเทศไทยและเมียวดีเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2020 กับผู้ที่เกี่ยวข้องบางส่วน มีรูปหนึ่งที่แสดงให้เห็นมาชิตา อิบราฮิมและเหลืองคีฮวตอยู่ใน Saixigang Industrial Park โดยมีทหารของกองทัพกะเหรี่ยง BGF อารักขา

พวกเขากลับจากไทยและเมียนมาในเดือนถัดไป จากโพสต์เฟสบุ๊คของมาชิตา อิบราฮิมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์แสดงให้เห็นว่าเขากำลังเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิกับกลุ่มของ “ต่ายก๊อ”กว่า 20 คน ต่ายก๊อคือคำเรียกพี่ใหญ่หรือหัวหน้าในภาษากวางตุ้ง ซึ่งหนึ่งในหัวหน้านั้นคือหวันค๊อคคอย 

ในวันถัดมามาชิตา อิบราฮิมโพสต์พิธีวางศิลาฤกษ์ที่โครงการในเมียวดี ซึ่งเป็นพิธีที่เผยแพร่โดยสมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหงเหมินโลก ในพิธีนี้อับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์ได้แสดงทัศนะที่ประชุมโดยพูดถึง “การวิจัยและการวิเคราะห์ตลาดที่ละเอียดละออ” ของพวกเขา และกล่าวในที่ประชุมว่าเมียวดีเป็น “สรวงสวรรค์ของการลงทุนที่มีศักยภาพ” อีกทั้งพูดถึงโอกาสของการท่องเที่ยว อัญมณี การสันทนาการ ความบันเทิง และการพัฒนาบล็อกเชน (ในปี 2022 ดาโต๊ะศรี เหลืองคีฮวต และผู้ลงทุนรายหนึ่งของตงเหมยปาร์คได้เปิดคริปโตเคอเรนซี่ชื่อ Meta X Dao) ในอีกวีดิโอในพิธีวางศิลาฤกษ์แสดงให้เห็นแขกรวมตัวกันและนับถอยหลังเปิดตัวเป็นภาษาจีน หวันค็อคคอยอยู่ข้างหน้าโดยยืนระหว่างมาชิตา อิบราฮิมและอับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์

ภาพจากวีดิโอพิธีวางศิลาฤกษ์ตกเหมยปาร์คที่เมืองเมียวดี หวันค็อคคอยอยู่ตรงกลางระหว่างมาชิตา อิบราฮิมและอับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์ ที่มา:เฟสบุ๊คของ Mashitah Ibrahim ปี 2020

รูปและวีดิโอในพิธีวางศิลาฤกษ์ยังแสดงให้เห็นทหารกะเหรี่ยง BGF ติดอาวุธครบมือยืนอยู่บนเวทีในช่วงพิธีการ เหมือนช่วยประดับงานในพื้นหลังเพื่อสนับสนุนความปลอดภัยซึ่งแสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องของกลุ่มติดอาวุธนี้กับศูนย์ กิจกรรมนี้ยังจัดขึ้นที่โรงแรมเซนธาราในแม่สอดอีกด้วยเพื่อแขกของกลุ่มตงเหมย

ดาโต๊ะอับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์ พูดในงานวางศิลาฤกษ์ตงเหมยปาร์คในเมืองเมียวดี มีทหารกะเหรี่ยง BGF ยืนอยู่ด้านหลัง ที่มา:เฟสบุ๊คของ Mashitah Ibrahim ปี 2020

ในวันที่ 15 มีนาคม 2020 มีกิจกรรมและ “คืนขอบคุณผู้ลงทุน” สำหรับ Saixigang Industrial Park จัดขึ้นที่โรงแรมแมริอ็อตในกัวลาลัมเปอร์ ในกิจกรรมนี้มีการเซ็นสัญญาเกี่ยวกับโครงการ 4 ฉบับ รวมถึงตัวแทนรัฐวิสาหกิจจีนคือสำนักรถไฟจีนที่ 21 (China Railway 21st Bureau) มีการบริจาคให้กับ “กิจกรรมของชมรมเยาวชน” จากรูปเชคเงินสดขนาดใหญ่ของธนาคาร CIMB ที่ออกโดยกลุ่มตงเหมยและเครือข่าย Grand Commerce ฉากหลังเวทีมีตราของ Saixigang Industrial Park และเครือข่าย Grand Commerce  Justice For Myanmar ได้ติดต่อธนาคาร CIMB บริษัทแม่ของสำนักรถไฟจีนที่ 21 คือ China Railway Construction Corporation เกี่ยวกับธุรกิจกับกลุ่มตงเหมยแต่ไม่ได้รับคำตอบ และมาชิตา อิบราฮิม, อับดุล ชาโคร์ บิน อบูบาการ์และเหลืองคีฮวตก็ไม่ได้ให้คำตอบเช่นเดียวกัน

จินซินปาร์ค(Jinxin Park)

จินซินปาร์ค (Jinxin Park) เป็นศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่ตั้งอยู่ชานเมืองเมียวดีบนฝั่งแม่น้ำเมยบริเวณต้นน้ำจากสะพานมิตรภาพไทยเมียนมาแห่งที่ 2 มีโพสต์โซเชียลมีเดียพูดถึงความโหดร้ายของศูนย์แห่งนี้ มีภาพแชทที่อนุมานได้ว่ามาจากผู้ถูกกักขังในจินซินปาร์คอธิบายว่ามีการทำให้ขาหักเป็นการลงโทษสำหรับคนที่พยายามหลบหนี

มีวีดิโอที่เผยแพร่บน Douyin แสดงถึงความเกี่ยวข้องของ ซาน มยิน กับจินซินปาร์ค ในวีดิโอนี้ ซาน มยิน และเจ้าหน้าที่ BGF ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์แห่งนี้เพื่อตรวจสอบการก่อสร้างและแผนงาน Justice For Myanmar ใช้การการระบุตำแหน่งของจินซินปาร์คด้วยดาวเทียม นอกจากนี้ในวีดิโอยังบันทึก ซาน มยิน พูดคุยกับบุคคลที่อนุมานได้ว่าเป็น เซียงชื่อเจีย (Xiong Shijia) ซึ่งโพสต์โซเชียลมีเดียหลายโพสต์ระบุว่าเขาเป็นหัวหน้าของศูนย์นี้

ซาน มยิน (ตรงกลาง) และผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจการก่อสร้างที่จินซินปาร์ค ผู้ที่อนุมานได้ว่าเป็นหัวหน้าของศูนย์คือคนที่สองจากขวา ที่มา:Douyin

จินซินปาร์คถูกก่อตั้งและดำเนินการโดยบริษัท Jinxin Holding Company Limited ซึ่งจดทะเบียนในเมียนมาด้วยผู้อำนวยการสองคนคือ เฉากั๋วเล่ย จากอานฮุย และชเว ฮเท ชาวเมียนมาซึ่งมีที่อยู่ที่ลาเสี้ยว แต่บริษัทดังกล่าวถูกยุบในปี 2022 จากกฎหมายล้มละลายของเมียนมา แต่ศูนย์นี้ยังคงปฏิบัติการอยู่

เคเคปาร์ค (KK Park)

กองทัพกะเหรี่ยง BGF ยังเกี่ยวข้องกับเคเคปาร์ค(KK Park) การสืบสวนเมื่อไม่นานมานี้โดย Deutsche Welle พบว่าทหาร BGF สนับสนุนการรักษาความปลอดภัยในเคเคปาร์คซึ่งเป็นศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่มีการบันถึกกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงกับเหยื่อที่ถูกหลอกมาทำงานเป็นจำนวนมาก สถาบันสันติภาพของสหรัฐฯ (The United States Institute of Peace) ก็รายงานถึงความเกี่ยวข้องของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA กับเคเคปาร์คและศูนย์หลอกลวงออนไลน์อื่นรวมถึง “เมืองคาสิโน” 

เมียวดีนิวซิตี้ (Myawaddy New City)

ในเมืองเมียวดี ธุรกิจชิตลินมไยง์ (Chit Linn Myaing) ของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงการ “เมียวดีนิวซิตี้” กับบริษัทในกลุ่มสตีลสโตน(Steel Stone Group) กลุ่มนี้เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เมียนมาที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้อดีตเผด็จการทหาร ซึ่งได้รับสัญญาที่มีมูลค่ารวมถึงการก่อสร้างทางหลวงย่างกุ้ง-มัณฑเลย์ ทั้งนี้โครงการเมียวดีนิวซิตี้เป็นโครงการที่มีพื้นที่ 544 เอเครอ ซึ่งมีอพาร์ทเมนท์ ห้างสรรพสินค้า รีสอร์ท และโรงแรม โครงการนี้อาจมีแหล่งอาชญากรรมของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA อีกด้วย ในเดือนตุลาคม ปี 2021 มีวีดิโอที่เผยแพร่โดยกลุ่มสตีลสโตนแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ถูกแผ้วถางเพื่อการก่อสร้าง

การขายที่ดินในเมียวดีนิวซีเติ่มเริ่มขึ้นในปี 2020 ด้วยการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท iMyanmarHouse Company Limited ซึ่งมีงานขายจัดขึ้นที่ย่างกุ้งและเมียวดีพร้อมกัน ในงานมีพิธีตัดริบบิ้นโดย ซาน มยิน และ ซอ ฮทู เอ โม นอกจากนี้ยังมีการขายที่ดินในเมียวดีนิวซิตี้ในเว็บไซต์อีกด้วย

พิธีตัดริบบิ้นของเมียวดีนิวซีตี้ ทู เอ โมอยู่ทางขวามือและซาน มยินอยู่คนที่สามจากขวา ที่มา: iMyanmarHouse ปี 2020

iMyanmarHouse มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือบริษัท Frontier Digital Ventures ซึ่งจดทะเบียนอย่างเปิดเผยในออสเตรเลีย Frontier Digital Ventures โดย Justice For Myanmar ได้ถามไปยังบริษัทแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องทางธุรกิจกับเมียวดีนิวซิตี้

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง