เว็บไซต์ Justice For Myanmar ได้เผยแพร่บทความที่ระบุถึง กองทัพกะเหรี่ยงที่เข้าร่วมกับ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน Border Guard Force (BGF) หรือกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง Karen National Army (KNA) ที่ในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธที่เข้าร่วมกับกองทัพเมียนมา ได้ก่อการละเมิดและก่ออาชญากรรมสงคราม โดยการสังหารพลเรือน ข่มขืน ทรมาน การกักขังโดยพลการ บังคับพลเรือนไปเป็นลูกหาบระหว่างการสู้รบ การขู่กรรโชกและยึดที่ดินชาวบ้าน ทั้งนี้พวกเขายังควบคุมกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น คาสิโน การพนันออนไลน์ และศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม Gang Call Center โดยใช้แรงงานจากการหลอกค้ามนุษย์ข้ามชาชาติ นอกจากนี้ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้กระทำปฏิบัติการที่โหดเหี้ยมทารุณร่วมกับกองทัพเมียนมาอีกด้วย
อ่าน เปิดเครือข่ายธุรกิจสีเทากองทัพกะเหรี่ยง BGF [1] : กำเนิดธุรกิจมืด และ เปิดเครือข่ายธุรกิจสีเทากองทัพกะเหรี่ยง BGF [2] เครือข่ายศูนย์หลอกลวงออนไลน์ด้วยความร่วมมือกับจีนเทาและพวกพ้อง
กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ได้ผลประโยชน์จากการขายสินค้าอุปโภคให้กับการหลอกลวงทางไซเบอร์ คาสิโนผิดกฎหมายและศูนย์พนันออนไลน์ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ในปี 2018 บริษัทของกะเหรี่ยง BGF ชื่อ Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing (SMTY) เซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าจากบริษัทย่อยของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในประเทศไทยเพื่อส่งออกไฟฟ้าไปยังเมืองเมียวดีในสามสถานที่ 1.เมืองเมียวดี 2.ชเวโก๊กโก่ และ 3.เลเกก่อ (บ้านเลเลโก) ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองเมียวดี โดยทั้ง 3 แห่งนี้มีความต้องการไฟฟ้าสูงมากจากการหลอกลวงทางไซเบอร์หลายแห่งและคาสิโนทางใต้ของเมียวดีที่อยู่ใกล้เลเกก่อรวมถึง ตงเหมยปาร์ค เคเคปาร์ค โครงการหวนย่าอินเตอร์เนชันนัลนิวซิตี้ (Huanya International New City project) ซึ่งมีรายงานว่ามีความเกี่ยวข้องกับกะเหรี่ยง BGF/KNA และสมาชิกบางคนของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union)
บริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing ถูกควบคุมโดยคนของกะเหรี่ยง BGF/KNA คือพันเอก ซอ ติน วิน และภรรยา มีความต้องการพลังงานที่สูงอย่างเห็นได้ชัดจากการซื้อไฟฟ้าของชเวโก๊กโก่ตามการวิเคราะห์ข้อมูลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยประชาไท
ตามข้อตกลงแล้วจำเริญ เบญจวิทย์วิไล ผู้ประสานงานไทยของกะเหรี่ยง BGF เป็นผู้อำนวยการเพียงคนเดียวของบริษัท Bioenergy Development Company Limited ได้จัดการให้เกิดการการส่งไฟฟ้าโดยตรงให้กับเมียวดีและชเวโก๊กโก่ ในโพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวของเขาช่วงต้นปี 2023 แสดงให้เห็นบทบาทสำคัญโดย ซอว์ ฮทู เอ โมและ ซอ ทิน วินจากกะเหรี่ยง BGF/KNA รวมถึงความเกี่ยวข้องของบริษัทไทยและเมียนมา และธุรกิจพวกพ้องเผด็จการทหาร
แผนการพลังงานถูกโพสต์หลังจากการประชุมในเดือนพฤษภาคม 2022 ที่จำเริญ เบญจวิทย์วิไล จัดขึ้นกับตัวแทนของหย่าไท้และ ไคน์ ซอว์ ประธานของกลุ่มบริษัท Earth Group แสดงให้เห็นว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังชเวโก๊กโก่ด้วยการมีส่วนร่วมของกลุ่ม Enova จากฝั่งไทยและ “STMY” จากฝั่งเมียนมา ซึ่ง ไคน์ ซอว์ เป็นน้องสาวของ ธิดา ซอว์ ผู้เป็นภรรยาของ เตย์ ซา ประธานของธุรกิจพวกพ้องเผด็จการทหารที่เป็นกลุ่มของบริษัท Htoo Group ทั้งนี้ STMY อาจเป็นการสะกดผิดของ SMTY ซึ่งเป็นตัวย่อของบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing
Enova Group เป็นบริษัทไทยที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับวิศวกรรม การจัดซื้อและการก่อสร้างในภาคการไฟฟ้าและมีลูกค้าเป็นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำเริญ เบญจวิทย์วิไลจัดประชุมหลายครั้งกับ Enova ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา และมีตัวแทน Enova ติดตามเขาไปยังรัฐกะเหรี่ยงอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปี 2020 ซึ่งเขาอธิบายว่า “เชื่อม Grand Myawaddy Group เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากการสนับสนุนพลังงานของเราไปยังชเวโก๊กโก่” ซึ่ง Grand Myawaddy เป็นคาสิโนผิดกฎหมายในเมียวดี อย่างไรก็ตาม Enova Group ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับธุรกิจของตนในเมียนมา
จากเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนปี 2022 จำเริญ เบญจวิทย์วิไล จัดประชุมหลายครั้งกับหย่าไท้และผู้นำของกะเหรี่ยง BGF รวมถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในแม่สอด โดยในวาระการประชุมเขาได้หารือเกี่ยวกับแผนที่จะส่งไฟฟ้าเพิ่มจำนวน 40 เมกะวัตต์ไปยังชเวโก๊กโก่
จำเริญ เบญจวิทย์วิไล ยังเกี่ยวข้องกับการหาเงินทุนเพื่อโครงการพลังงานโดยจัดประชุมหลายครั้งกับตัวแทนธนาคารกสิกรในเมียนมา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เขาได้จัดประชุมกับธนาคารกสิกรในแม่สอดและนัดหมายเจ้าหน้าที่เมียนมาให้เข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือการสนับสนุนการผลิตและกระจายพลังงานในเมียวดีและชเวโก๊กโก่
ในเดือนมิถุนายน ปี 2023 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหยุดส่งกระแสไฟไปยังเลเกก่อและชเวโก๊กโก่เนื่องจากแรงกดดันทั้งภายในประเทศและนานาชาติ ในเดือนมีนาคม ปี 2024 ศูนย์ข้อมูลกะเหรี่ยง (Karen Information Centre) รายงานว่ามีการขัดขวางการส่งกระแสไฟจากประเทศไทย
ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา จำเริญ เบญจวิทย์วิไล ได้พัฒนาแผนการสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยแก๊ซ LNG ขนาดเล็กนอกระบบไฟฟ้าหลักในเมียวดี Justice For Myanmar ไม่สามารถยืนยันถึงสถานะของการผลิตไฟฟ้านี้ว่าเกิดการดำเนินการหรือไม่ แต่หากเกิดการดำเนินการแล้วการผลิตไฟฟ้านี้สามารถให้พลังงานกับศูนย์หลอกลวงออนไลน์ คาสิโนผิดกฎหมาย และปฏิบัติการพนันออนไลน์โดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากระบบของไทยหรือเมียนมา ทั้งนี้ Justice For Myanmar ไม่สามารถติดต่อจำเริญ เบญจวิทย์วิไลได้
กองทัพกะเหรี่ยง BGF มีธุรกิจก๊าซ LNG คือบริษัท Chit Linn Myaing Energy ซึ่งครอบครัวของ ซาน มยิน ถือหุ้นร้อยละ 40 บริษัทนี้นำเข้าและกระจายก๊าซและมีสถานีเติมก๊าซอย่างน้อยหนึ่งแห่งในชเวโก๊กโก่ ในปี 2022 รถบรรทุกของบริษัทนี้ถูกโจมตีโดยกลุ่มต่อต้าน อีกธุรกิจพลังงานของ BGF/KNA คือบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn ที่ธุรกิจแลกเปลี่ยนน้ำมันและก๊าซโดยมีสถานีขายปลีกบนถนน Asia Highway
กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ยังมีรายได้จากภาคพลังงานโดยลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทย ภายหลังถูกตัดพลังงานจากไทยในศูนย์การหลอกลวงทางไซเบอร์และคาสิโนผิดกฎหมายจึงใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้าส่งผลให้ความต้องการของน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น เป็นช่องทางให้กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ได้ผลประโยชน์เพิ่มเติม
มีรายงานว่ากองทัพกะเหรี่ยง BGF ได้ติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่ชเวโก๊กโก่และได้รับ “ผลประโยชน์จากการนำอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงมาขายด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก” ในการตอบโต้ภัยของสแกมเมอร์และการพนันออนไลน์ กสทช.ได้ปราบปรามการส่งสัญญานโทรศัพท์มือถือทั้งชายแดนไปยังเมียนมาและตรวจสอบเสาสัญญานตรงข้ามชเวโก๊กโก่เมื่อไม่นานมานี้
สำนักข่าว Mizzima รายงานโดยอ้างถึงคำพูดของพนักงานหย่าไท้ว่ามีอินเตอร์เน็ตใยแก้วนำแสงจาก Mytel ซึ่งใช้สำหรับการสแกมหลังจากการปราบปราบโทรคมนาคมข้ามชายแดน Mytel เป็นบริษัทโทรคมนาคมเมียนมาภายใต้การร่วมทุนกับของบริษัท Telecom International Myanmar Company Limited ซึ่งมีสมาชิกรวมถึง Myanmar Economic Corporation กลุ่มธุรกิจของทหารเมียนมา และ Viettel Global Investment JSC ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหมเวียดนาม
การค้าผิดกฎหมาย
กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA มีรายได้ที่สำคัญจากการค้าของผิดกฎหมายผ่านการข้ามชายแดนอย่างผิดกฎหมายบริเวณแม่น้ำเมย และสามารถเก็บภาษีได้ “อาจถึงพันล้านดอลลาร์” ต่อปี สินค้าที่มีมูลค่าสูงคือยานยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิง อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ อุปกรณ์ก่อสร้างและแอลกอฮอล์ บางครั้งมาจากการนำเข้าและกระจายโดยบริษัทของ BGF/KNA โดยเก็บภาษีกับผู้คนที่สัญจรโดยเรือตามแม่น้ำ กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ยังเก็บค่าคุ้มครองจากรถบรรทุกที่ลักลอบขนของจากชายแดนไทยไปยังเมืองผาอัน และ ย่างกุ้ง ผ่านถนน กอกาเรก-นาบู-ทิลลน-ผาอัน (Kawkareik – Nabu – Htilon – Hpa-an)
เงินทุนของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ถูกวางแผนให้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนด้วยการรักษาอิทธิพลในเมืองเมียวดีกับรัฐบาลทหาร ซึ่งพวกเขาสามารถเก็บภาษีร่วมกันจากการเคลื่อนไหวของคนและสินค้าผ่านสะพาน “มิตรภาพ” ทั้งสองที่ข้ามไปฝั่งไทย
กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA กระจายสินค้าที่ลักลอบนำเข้าไปยังธุรกิจขายส่งและขายปลีกซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA
การท่องเที่ยว
รีสอร์ทชิท ทู มไยง์ (Chit Thu Myaing resort) ตั้งอยู่ใกล้เมืองผาอันซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง โรงแรมนี้มีตึกหลายชั้น ร้านปลอดภาษี และสวนสนุกที่ตกแต่งด้วยเครื่องบินพาณิชย์ที่ปลดประจำการแล้วจากสายการบิน Air Bagan ซึ่งได้เลิกกิจการไปแล้ว อันเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของพวกพ้องเผด็จการทหาร Htoo group ทั้งนี้ร้านปลอดภาษีขายแอลกอฮอล์ ยาสูบ อัญมณี เสื้อผ้าแฟชั่น และอีกหลายประการ
ครอบครัวของ ซาน มยิน มีร้านหม้อไฟในชิท ทู มไยง์ (Chit Thu Myaing) และ ชเวโก๊กโก่ อีกทั้งมีร้านกาแฟในชเวโก๊กโก่ มีโพสต์บนเฟสบุ๊คแสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องของ นาน ขิ่น หล้า ทู ภรรยาของซาน มยิน ในการบริหารธุรกิจเหล่านี้
ธุรกิจของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA Shwe Myint Taung Yinn ดำเนินการร้านขายปลีกและธุรกิจท่องเที่ยวหลายแห่งในรัฐกะเหรี่ยงรวมถึงร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และน้ำตก
โปรเจคหนึ่งของกองทัพกะเหรี่ยง BGF คือการสร้างกระเช้าสำหรับ อู คาวิดาซา (U Kawidaza) ผู้เป็นหนึ่งในผู้นำของ “มะบะสะ (Ma Ba Tha)” ขบวนการชาตินิยมพุทธศาสนาสุดโต่งและเป็นเจ้าอาวาสของวัดสเวคาบิน (Zwekabin monastery) เขาเคยพบปะกับอาชญากรสงครามอย่าง มิน อ่อง หล่าย ภายหลังการรัฐประหาร โครงการกระเช้าเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท Chit Linn Myaing Toyota Company Limited และกลุ่มบริษัท ZMH Group โดยมีบริษัท Myanmar Native Land Public Company Limited เป็นผู้รับเหมาท้องถิ่น
ZMH Group ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นบริษัทพาณิชย์ภายใต้อดีตเผด็จการทหารใน การประกอบธุรกิจนำเข้ายานยนต์ เครื่องจักรและสินค้าอื่นๆ จากญี่ปุ่น นำโดย บานยา ซอ (Banya Zaw) ที่มีส่วนร่วมกับการเจรจาเพื่อซื้อขายไฟฟ้าแบบ Grid to Grid ไปยังเมียวดีและชเวโก๊กโก่ ในปี 2018 ZMH และกองทัพกะเหรี่ยง BGF ก่อตั้งบริษัทร่วมกันคือ Zwe Ka Pin Land & Cable Car Development Company Limited
โครงการนี้จ้างกลุ่มบริษัท Doppelmayr/Garaventa Group จากสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย บริษัทจากสวิตเซอร์แลนด์อีกแห่งคือ LABAG AG สำหรับกระเช้าและงานวิศวกรรม และบริษัทจากออสเตรียอีกคือ LCS Cable Cranes GmbH และ ZTE Leitner ZT GmbH สำหรับระบบสายสลิงของเครน
ในปี 2017 ซาน มยิน และบานยา ซอ รวมไปถึงกลุ่มของพวกเขาเดินทางไปยังรีสอร์ทสกีที่ภูเขาพิลาทัส (Mount Pilatus) บนเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์และเมเลาว์ (Mellau) ในออสเตรีย ในช่วงที่ ซาน มยิน เซ็นสัญญากระเจ้าเห็นได้จากโพสต์เฟสบุ๊คของบานยา ซอว์
รูปที่ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นถึงบทบาทของทหารเมียนมาในการสนับสนุนการพัฒนากระเช้ารวมถึงการใช้เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศ การใช้กองทัพอากาศและบุคลากรของกองทัพเพื่อติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของกระเช้าบนภูเขาสเวคาบิน โดยโครงการกระเช้าเริ่มดำเนินการบางส่วนแต่ไม่สามารถติดตามความคืบหน้าได้จากเฟสบุ๊คตั้งแต่ปี 2020
โฆษกของบริษัท Doppelmayr Seilbahnen GmbH ตอบคำถามเกี่ยวกับโครงการกระเช้าว่า “เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ เราจึงหยุดกิจกรรมของทุกอย่างเกี่ยวกับโครงการนี้ในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 Doppelmayr Group ยึดถือมาตรฐานนานาชาติอย่างยิ่งและปฏิบัติอย่างเหมาะสมและตรงไปตรงมาเมื่อทำงานกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ เรามีขั้นตอนการประเมินเป้าหมายและความโปร่งใสในการเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ”
แต่ LABAG AG, LCS Cable Cranes GmbH และ ZTE Leitner ZT GmbH ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวความเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว
ในปี 2019 ซอ มิน มิน อู เปิดเผยว่ารีสอร์ทชิท ทู มไยง์ และโครงการกระเช้าได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคาร Myanmar Oriental, ธนาคาร CB, และธนาคาร KBZ เขาให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเงินที่สนับสนุนจากธนาคาร Myanmar Oriental ดังนี้ 3 พันล้านจ๊าด(ประมาณ 66 ล้านบาท) สำหรับรีสอร์ทและ 7 พันล้านจ๊าด (ประมาณ 151 ล้านบาท) สำหรับโครงการรถราง และหากสืบค้นใน Google Maps ก็จะพบว่ามีเอทีเอ็มของธนาคาร Myanmar Oriental และ CB ในบริเวณใกล้กับรีสอร์ทชิท ทู มไยง์
ธุรกิจเหมือง
ธุรกิจเหมืองเป็นธุรกิจของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ที่เป็นแหล่งรายได้ที่ทำลายล้างทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อมครอบครัวของ ซาน มยิน ถือหุ้นร้อยละ 68 ของบริษัท Chit Linn Myaing Mining & Industry Company Limited บริษัทนี้มีใบอนุญาตทำเหมืองเหมืองยิปซัม 2 เหมือง โดยได้รับใบอนุญาตในปี 2014 ภายใต้พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (Union Solidarity and Development Party:USDP) ซึ่งเป็นตัวแทนของทหารเมียนมา นอกจากนี้บริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited ยังมีใบอนุญาตเหมืองยิปซัมและพลวงอีกอย่างละหนึ่งแห่ง ตามข้อมูลจากรายงานเพื่อความโปร่งใสของอุตสาหกรรมสกัดทรัพยากร (Extractive Industries Transparency Initiative:EITI) ที่เผยแพร่ในปี 2020
โดย Justice For Myanmar ไม่สามารถยืนยันสถานะปัจจุบันของเหมืองตั้งแต่เผด็จการทหารเข้าควบคุมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเมียนมาถูกถอดออกจากโครงการเพื่อความโปร่งใสของอุตสาหกรรมสกัดทรัพยากร
บริษัท Chit Linn Myaing Mining & Industry Company Limited ใช้การทำเหมืองที่เป็นอันตรายซึ่งสามารถเห็นได้จากปฏิบัติการขุดเหมืองที่ภูเขาลุนนยา (Lun Nya) ในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นเหมืองหินปูนสำหรับโครงการพัฒนาถนนระเบียงเชื่อมตะวันตกและตะวันออกของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) มีรายงานจากองค์กร Coalition for Human Rights in Development ว่าผู้อาศัยในพื้นที่กังวลว่าการขุดก่อให้เกิดการปนเปื้อนของน้ำจึงตรวจสอบสถานที่ทำเหมืองในเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 และถูกทหารกะเหรี่ยง BGF ที่ป้องกันเหมือนเปิดฉากยิงปืนใส่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากปฏิเสธที่จะคำสั่งในการดำเนินการขับไล่ผู้อยู่อาศัยที่ทำลายถนนเข้าสู่ตัวเหมืองและมีการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้อาศัยในพื้นที่จำนวน 11 ราย
กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ต้องรับผิดชอบกับอาชญากรรมระดับนานาชาติและข้ามชาติที่ได้ก่อ
ซาน มยิน ครอบครัวของเขา และสมาชิกของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA จำนวนหนึ่งได้สร้างเครือข่ายธุรกิจอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่มีความร่วมมือกับองค์กรอาชญากรรมที่มีผู้ถือสัญชาติจีน ไทย มาเลเซีย กัมพูชา และสิงคโปร์ เครือข่ายธุรกิจอาชญากรรมนี้เป็นภัยต่อโลก กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA และผู้ที่เกี่ยวข้องกลับร่ำรวยขึ้น บนความทุกข์ทรมานของประชาชนในพื้นที่ แรงงานจากเมียนมาและทั้งโลกที่ถูกกักขังให้ทำงานเยี่ยงทาส รวมไปถึงเหยื่อของการสแกม
ธุจกิจของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ถูกสร้างขึ้นด้วยการสนับสนุนและปกป้องจากกองทัพเมียนมาและเผด็จการทหารซึ่งได้ผลประโยชน์จากอาชญากรรมข้ามชาติเช่นเดียวกัน กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ก่ออาชญากรรมนานาชาติในฐานะส่วนหนึ่งของยุทธการสร้างความหวาดกลัวของเผด็จการทหาร เช่น ในเดือนกันยายนปี 2021 ที่ทหารใช้เด็กเพื่อขนสัมภาระและเป็นโล่ห์มนุษย์
อาชญากรรมนานาชาติและข้ามชาติยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อไม่มีมาตรการจากนานาชาติที่เพียงพอต่อกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA และเผด็จการทหารเมียนมา
เผด็จการทหารเมียนมาคือผู้ร่วมก่ออาชญากรรมกับกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA และไม่สามารถร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับการแพร่กระจายของการหลอกลวงออนไลน์ คาสิโนผิดกฎหมาย และการพนันผิดกฎหมายในรัฐกะเหรี่ยงได้ หากเมียนมาจะสร้างประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐได้ กลุ่มอาชญากรรมทหารเมียนและกองทัพพันธมิตรต้องถูกทำลาย ผู้ก่ออาชญากรรมนานาชาติต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้ก่อ
ในระยะสั้น Justice For Myanmar ขอร้องรัฐบาลต่างๆ ให้คว่ำบาตรผู้นำ ธุรกิจ ผู้อำนวยการ ผู้ถือหุ้น และผู้ที่ช่วยอำนวยความสะดวกของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA อย่างครอบคลุม เรายินดีกับการคว่ำบาตรของอังกฤษต่อซาน มยิน ซอว์ มิน มิน อ่อง และ เสอจื้อเจียง Justice For Myanmar เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรโดยทันทีกับบุคคลและหน่วยงานที่เป็นผู้ดำเนินงานหลักของเครือข่ายอาชญากรรมของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA และคว่ำบาตรกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ในฐานะที่เป็นองค์กร (สามารถดาว์นโหลดรายชื่อของบริษัทและบุคคลที่ต้องคว่ำบาตรข้างล่าง)
บุคคลในกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA และครอบครัว
1.ซาน มยิน (ซอว์ ชิต ตู่)
2.นาน ขิ่น หล้า ทู
3.ซอว์ ทู เอ โม
4.ซอว์ ชิต ชิต
5.นาน ฮนิน นันดาร์ เอ
6.ซอ มิน มิน อู
7.ซอ ทิน วิน
8.นาน มยิน มยิน วิน
บริษัทของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA
1.Chit Linn Myaing Toyota Company Limited
2.Chit Linn Myaing Mining & Industry Company Limited
3.Chit Linn Myaing Energy Company Limited
4.Myanmar Apolo International Investment Company Limited
5.Myanmar Yatai International Holding Group Company Limited
6.Shwe Myint Thaung Yinn Holdings Limited
7.Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited
8.Yulong Bay Resort Tourism Development Company Limited
Justice For Myanmar เรียกร้องให้ประเทศไทยปฏิเสธการดำเนินงานของกองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA และผู้ประสานงานธุรกิจในประเทศไทย ปฏิเสธการใช้ธนาคารไทยและซื้อไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการในประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ในภูมิภาคโดยเฉพาะประเทศจีน ฮ่องกง กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ควรสืบสวนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของประชาชน ผู้อาศัย บริษัทของแต่ประเทศที่มีส่วนร่วม ได้ผลประโยชน์รวมถึงก่ออาชญากรรมข้ามชาติและละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมาเพื่อลงโทษ โดยมีมาตรการต่างกันตามระดับของความเกี่ยวข้องอาจรวมถึงการยกเลิกใบอนุญาต ถอดออกจากการลงทะเบียนบริษัทและตลาดหุ้น ยกเลิกวีซ่า โทษทางบริหาร การปิดบัญชีธราคาร การคว่ำบาตร และดำเนินคดีทางกฏหมาย
กองทัพกะเหรี่ยง BGF/KNA ยังคงดำเนินธุรกิจอาชญากรรมต่อไปหากไม่มีใครหยุด ความยุติธรรมต้องเกิดขึ้น
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...