วิเคราะห์โค้งสุดท้ายเลือกตั้งท้องถิ่น ‘ลำปาง’ ตัวคนยังมาแรงกว่ากระแสพรรคและนโยบาย ‘ตวงรัตน์’ เต็งแชมป์ นั่ง นายก อบจ.อีกสมัย

‘Lanner’ สัมภาษณ์ รศ.ดร.ณัฏฐ์ดนัย ประเทืองบริบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ถึงสถานการณ์เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อบจ.ลำปาง ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งยังมีความสัมพันธ์ในการเลือกผู้สมัครที่ยังยึดโยงกับตัวบุคคลมากกว่านโยบายหรือกระแสพรรคการเมือง ที่มีตัวเต็งแชมป์อย่าง  ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร อดีตนายก อบจ.ลำปางสมัยที่แล้ว ที่อาจจะยังคงนั่งตำแหน่งนี้ต่ออีก 1 สมัย

รศ.ดร.ณัฏฐ์ดนัย ประเทืองบริบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ที่มาภาพ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

ณัฏฐ์ดนัย เล่าถึงสถานการณ์การเมืองท้องถิ่นโดยเฉพาะการเลือกตั้งนายก อบจ.ลำปาง มีพรรคตัวเต็งอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ส่ง ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ลงสมัครเลือกตั้งอีก 1 สมัย ยังคงได้เปรียบอยู่พอสมควร ซึ่งหากย้อนไปพิจารณาจากผลการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งก่อนในปี 2563 ตวงรัตน์ ได้รับคะแนนกว่า 220,000 คะแนน ซึ่งทิ้งห่างคู่แข่งถึง 180,000 คะแนน หากพิจารณาจากผลการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 ในจังหวัดลำปาง ซึ่งมีเขตการเลือกตั้งทั้งหมด 4 เขต และพรรคก้าวไกล สามารถคว้าชัยไปได้ถึง 3 เขต แต่เมื่อนำคะแนนรวมของพรรคประชาชนทั้ง 3 เขตมารวมกัน ก็ยังไม่เทียบเท่ากับคะแนนที่ตวงรัตน์ได้รับจากการเลือกตั้งนายก อบจ. ในปี 2563

โดยในจังหวัดลำปางมีผู้สมัคร นายก อบจ. ทั้งหมด 4 คน ได้แก่ ดาชัย เอกปฐพี ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 1 อดีต สส.ลำปาง พรรคพลังประชารัฐ ,ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อดีตนายก อบจ.ลำปาง หมายเลข 2 ,อธิวัฒน์ ศรีไชยยานุพันธ์ ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 3 และ ดร.ปกิตตา ตั้งชนินทร์ ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 4

ดังนั้นผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ลำปาง ที่จะถึงนี้ ตวงรัตน์จากพรรคเพื่อไทยอาจจะชนะได้อีกหนึ่งสมัย ซึ่งหากมาดูที่คู่แข่งคนเดิม อย่าง ดาชัย เอกปฐพี ผู้สมัครหมายเลข 1 ที่เคยได้คะแนนอยู่ที่ประมาณ 40,000 คะแนน ซึ่งถือเป็นฐานเสียงที่ค่อนข้างคงที่แต่จะเร่งคะแนนให้ขึ้นมาสู้กับแชมป์เก่าอย่าง ตวงรัตน์ อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย

จังหวัดลำปาง ‘พื้นที่ไข่แดง’ ความต่างระหว่างเลือกตั้ง สส. และท้องถิ่น

พื้นที่จังหวัดลำปางยังถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยการเลือกตั้ง สส. มักได้รับอิทธิพลจากกระแสทางการเมือง ขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นมีข้อจำกัดสำคัญ คือ ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าและไม่มีการเลือกตั้งนอกเขต ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อยู่นอกพื้นที่หรืออยู่ต่างจังหวัดต้องเดินทางกลับมาใช้สิทธิซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อคะแนนเสียง

สำหรับจังหวัดลำปางประชาชนส่วนใหญ่ยังคงให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงในภาคเหนือ ล่าสุดเดินทางไปเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคและ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สมัครรวมไปถึงซื้อใจประชาชนในพื้นที่ โดยยังคงยืนยันว่าจังหวัดลำปางน่าจะยังคงเลือกตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม

ดร.ปกิตตา ตั้งชนินทร์ ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 4

สถานการณ์เลือกตั้งลำปาง ความมั่นคงของฐานเสียงและบทบาทของ สจ.

นอกเหนือจากการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) แล้ว ยังมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) ซึ่งถือเป็นฐานเสียงสำคัญ โดย สจ. ในฝั่งเดิมฝั่งพรรคเพื่อไทยยังคงให้การสนับสนุนอดีตนายก อบจ. อย่างมั่นคง การหาเสียงเลือกตั้งยังคงเป็นทีมเดิมเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในบางเขตของจังหวัดลำปาง แต่โดยรวมแล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด

ภาพ ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร

ขณะเดียวกันในจังหวัดลำปางมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากพรรคประชาชน ซึ่งเดิมคือพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามวิธีการทำงานในพื้นที่ของ สส. พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยมีความแตกต่างกันอย่างมากโดยเฉพาะแนวทางการเข้าถึงประชาชน ซึ่งการเมืองในระดับท้องถิ่นยังคงพึ่งพานักการเมืองอาชีพที่มีประสบการณ์และความสัมพันธ์กับประชาชนมายาวนาน ขณะที่นักการเมืองรุ่นใหม่มีแนวทางที่แตกต่างออกไป ด้วยเหตุนี้การเลือกตั้งครั้งนี้จึงยังคงมีความมั่นคงต่อพรรคเพื่อไทยในจังหวัดลำปาง

อธิวัฒน์ ศรีไชยยานุพันธ์ ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 3

การเลือกตั้งอบจ. และบทบาทของนโยบายในการตัดสินใจของประชาชน

หากมาดูที่นโยบายการหาเสียงขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กลับยังไม่ชัดเจนมากนัก เหตุผลหลักคือพื้นที่ของ อบจ. มีการทับซ้อนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ทำให้ทุกโครงการจำเป็นต้องมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานท้องถิ่น การดำเนินโครงการให้กับชุมชนหรือตำบลใดตำบลหนึ่งจึงอาจไม่สามารถทำได้อย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา ดังนั้นถึงขณะนี้ผู้สมัคร นายก อบจ. ยังไม่ได้แสดงนโยบายที่โดดเด่นหรือชัดเจนมากนัก

ซึ่งมีสมมติฐานคือประชาชนไม่ได้ตัดสินใจจากนโยบายเพียงอย่างเดียว เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงหรือเข้าใจนโยบายได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลุ่มใหญ่ที่เป็นประชากรสูงวัย ซึ่งอาจไม่ได้ติดตามรายละเอียดของนโยบายมากนัก ต่างจากคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจด้านการเมืองและนโยบายเป็นพิเศษ ด้วยโครงสร้างประชากรในจังหวัดลำปางที่มีคนรุ่นเก่าค่อนข้างมาก ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มที่ประชาชนจะพิจารณาตัวบุคคล โดยเลือกผู้แทนจากความน่าเชื่อถือ ประสบการณ์ หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว มากกว่าการเลือกจากนโยบายของพรรคการเมือง

และหากมาดูที่จำนวนประชากรในจังหวัดลำปางนั้นมีประชากรราว 700,000 คน และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่ที่ ประมาณ 600,000 คน อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิ์เพียง 60% หรือประมาณ 300,000  คน ทั้งนี้ กระแสความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะมีอยู่ แต่ในพื้นที่ลำปาง ยังคงต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน เนื่องจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดทางการเมืองแบบใหม่ยังมีจำนวนไม่มากและส่วนใหญ่อาศัยอยู่นอกพื้นที่ ทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นของลำปางยังคงสะท้อนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองในรูปแบบเดิม

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง