‘Lanner’ สัมภาษณ์ รศ.ดร.ณัฏฐ์ดนัย ประเทืองบริบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ถึงสถานการณ์เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อบจ.ลำพูน ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เป็นการต่อสู้กันของ ผู้สมัคร นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน รวมไปถึงการเลือกตั้ง นายก อบจ. สมัยที่แล้วที่อาจจะส่งผลต่อคะแนนเสียงในกาเลือกตั้งฯ ที่จะเกิดนี้
ณัฏฐ์ดนัย เผยว่าการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน มีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นการแข่งขันที่ชัดเจนระหว่าง อนุสรณ์ วงศ์วรรณ จากพรรคเพื่อไทย กับ วีระเดช ภู่พิสิฐ จากพรรคประชาชน โดยมีผู้สมัครเพียง 2 หมายเลขหลัก ที่เข้าชิงชัยในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยในการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งที่แล้ว อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตนายกฯ ได้รับคะแนนเสียงประมาณ แสนต้นๆ ขณะที่คู่แข่งหมายเลข 2 และ 3 ที่หากนำคะแนนมารวมกันพบว่ามีคะแนนสูสีกับอนุสรณ์ ซึ่งทำให้การเลือกตั้งรอบนี้น่าจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากตำแหน่งนายก อบจ.ลำพูน มีการสับเปลี่ยนทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น
ประเด็นที่สำคัญคือ ผู้สมัครหมายเลข 2 และ 3 จากการเลือกตั้งครั้งก่อนจะตัดสินใจสนับสนุนฝ่ายใดซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามอนุสรณ์ยังคงมีฐานความนิยมที่มั่นคงจากประชาชนในลำพูนด้วยชื่อเสียงและผลงานที่ผ่านมาทำให้ประชาชนยังคงมีความเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชน รวมไปถึงยังเป็นน้องชายของ อนุวัธ วงศ์วรรณ ผู้สมัครนายก อบจ.แพร่ ที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วกว่า 3 สมัย และเป็นทายาทของ ณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย ในรัฐบาล สุจินดา คราประยูร
แม้ว่าผลคะแนนของผู้สมัครที่เคยลงแข่งขันก่อนหน้านี้จะสูสี แต่แนวโน้มของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในลำพูนยังคง โน้มเอียงไปทางพรรคเพื่อไทยหากพิจารณาจากประวัติการเลือกตั้งที่ผ่านมาหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) ซึ่งเป็นกำลังหลักในการหาเสียงและขับเคลื่อนคะแนนนิยมให้กับผู้สมัครนายก อบจ. ในพื้นที่ โดย สจ. เดิมของจังหวัดลำพูนหลายเขตยังคงมีบทบาทสำคัญแม้บางพื้นที่จะมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครแต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ภายใต้พรรคการเมืองเดิม นอกจากนี้ ยังมีการ สลับตำแหน่งระหว่างผู้สมัคร บางรายที่เคยเป็นนายกเทศบาลลงสมัคร สจ. แทน หรืออดีต สจ. ลงสมัครเป็นนายกเทศบาล ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการรักษาฐานเสียงและอำนาจทางการเมืองของพรรคในระดับท้องถิ่น
แนวโน้มการเลือกตั้ง อบจ. ลำพูน การเปลี่ยนแปลงของคะแนนเสียงและการตัดสินใจของประชาชน
ประชาชนชาวลำพูนยังคงเลือกจากตัวบุคคลมากกว่ากระแสพรรค สิ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งในลำพูน โดยจังหวัดลำพูนมีประชากรประมาณ 400,000 กว่าคน ขณะที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่ที่ ประมาณ 300,000 คน ซึ่งจากการคาดการณ์ก็น่าจะมีคนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. จริงประมาณ 200,000 – 250,000 คน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือ การเปลี่ยนใจของประชาชนกลุ่มเดิม ซึ่งในครั้งนี้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมืองบางส่วนที่ไม่ได้ลงสมัครเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อคะแนนเสียงของผู้สมัครหลัก โดยเฉพาะ อนุสรณ์ อดีตนายก อบจ. ที่ต้องลุ้นว่าจะสามารถรักษาเก้าอี้ของตนเองได้หรือไม่
การเปลี่ยนแปลงในลำพูนเมื่อเทียบกับลำปาง
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ จังหวัดลำพูนมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากกว่าลำปาง โดยมีประชาชนจำนวนมากหันมาให้ความนิยมกับพรรคประชาชนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสพรรคการเมืองระดับประเทศจะส่งผลบ้าง แต่ในการเลือกตั้งท้องถิ่นประชาชนยังคงเลือกจาก ตัวบุคคล มากกว่ากระแสพรรค แต่ในอดีต จังหวัดลำพูนเคยมีตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยมี สส. ในพื้นที่ แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มว่าความนิยมของพรรคประชาชนกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคะแนนเสียงของการเลือกตั้งครั้งนี้
ฟังเสียงเกษตรกรลำพูน หวัง อบจ. ผลักดันตลาดลำไย แก้ไขปัญหาน้ำประปาอย่างยั่งยืน
ชวัลวิทย์ ใจกาศ เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ชาวอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ที่เผยว่าการทำสวนลำไยในจังหวัดลำพูนต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งเรื่องราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอน ปัญหาภัยธรรมชาติ และการขาดระบบน้ำที่มีประสิทธิภาพ จึงอยากเห็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นระบบมากขึ้น ในด้านการจัดการหาตลาดที่เป็นการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ
นอกจากนี้ ชวัลวิทย์ ต้องการให้ อบจ. เข้ามาช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม เช่น การแจกกล้าพันธุ์ฟรี หรือสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้เกษตรกรฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รวมไปถึงการจัดการทรัพยากรน้ำที่เป็นส่วนสำคัญในการทำการเกษตร โดยเขาคาดหวังว่า อบจ.จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ และการป้องกันปัญหาด้านเกษตรในระยะยาว เนื่องจาก ส.อบจ. หลายท่านก็มีส่วนลำไยเป็นของตัวเอง เขาคิดว่ากลุ่มคนเหล่านี้ที่เป็นตัวแทนของคนในพื้นที่จะเข้าใจปัญหาของเกษตรได้ดีกว่าหน่วยงานจากส่วนกลาง
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...