ฟังเสียงคนชายขอบ หวังเลือกตั้งอบจ. ดันพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิทธิพื้นฐาน

เรื่อง: จตุพร สุสวดโม้

“คนชาติพันธุ์บนดอยในพื้นที่บางส่วนพวกเขาไม่มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะเขาไม่ได้รับรองสัญชาติ ทั้งๆ ที่เขาอาศัยอยู่ไทยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่พวกเขากลับไม่สิทธิ์ในการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นสิทธิต่างๆ ในฐานะที่เขาจะได้รับแบบคนไทยมันไม่มี”

Lanner สัมภาษณ์ จิรัฐิกานต์ สุริยมณฑล เยาวชนชาติพันธุ์จากอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เกี่ยวกับปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ห่างไกล และความคาดหวังต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ จิรัฐิกานต์ กล่าวว่า พวกเราอาศัยอยู่บนดอยซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล และมักถูกมองข้าม เราคาดหวังให้การเลือกตั้งครั้งนี้นำมาซึ่งผู้นำที่มีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาของเรา โดยเฉพาะในเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัญหาหลักของเราในตอนนี้ หลายคนในพื้นที่ยังไม่มีสิทธิในการครอบครองที่ดินอย่างเต็มที่ ทำให้การทำอาชีพเกษตรกรรมหรือการหาเลี้ยงชีพเป็นไปอย่างยากลำบาก อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของเรา แต่เมื่อไม่มีสิทธิในที่ดิน การประกอบอาชีพเกษตรก็ทำได้ยาก ส่งผลกระทบต่อรายได้และการดำรงชีวิต รวมถึงการศึกษาของลูกๆ ที่ได้รับผลกระทบไปด้วย

ซึ่งบางพื้นที่เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์ยังคงต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำในการกระจายงบประมาณและการพัฒนา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ห่างไกล เช่น ปัญหาด้านการคมนาคม การศึกษา และการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ในบางหมู่บ้านหรือบางพื้นที่ยังไม่มีถนนที่สามารถสัญจรได้สะดวก เมื่อการเดินทางไม่สะดวก ก็ทำให้การเข้าถึงบริการสาธารณสุขเป็นเรื่องยากลำบาก ทั้งๆ ที่การเข้าถึงบริการเหล่านี้ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ ส่วนในด้านการศึกษา โรงเรียนมักจะตั้งอยู่ไกลจากพื้นที่ อาจไม่มีเส้นทางที่สะดวก ทำให้เด็กๆ เข้าถึงการศึกษาได้ยาก หากไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ พวกเขาก็ไม่สามารถมีอาชีพอื่นนอกจากการทำเกษตรกรรม ซึ่งก็มีปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องนโยบายที่ส่งผลกระทบเข้ามาเกี่ยวข้องอีก

“เรื่องนโยบายห้ามเผา การทำเกษตรกรรมในชุมชนต้องมีการเผาป่าเพื่อปรับหน้าดิน พอมีนโยบายก็ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถปลูกพืชได้ตามปกติในช่วงฤดูร้อน พวกเขาไม่สามารถปลูกข้าวหรือผักได้เหมือนเคยซึ่งทำให้พวกเขาต้องส่งสารหรือร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอเยียวยาและการสนับสนุน” 

สำหรับเยาวชนในพื้นที่อำเภอรอบนอก มองเห็นว่าปัญหาหลักคือโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ส่วนใหญ่เด็กๆ จะไม่ค่อยมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา เพราะการคมนาคมที่ไม่สะดวก โรงเรียนก็อยู่ไกล บางโรงเรียนไม่มีหอพัก ทำให้เด็กต้องอยู่ห่างบ้าน ซึ่งมันยากมากที่จะไปเรียนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเด็กๆ ไม่สามารถเรียนหนังสือได้ พวกเขาก็จะทำได้แค่การเกษตรเหมือนพ่อแม่ หรือไม่ก็ต้องไปหางานรับจ้างในตัวเมือง พอไม่มีการศึกษา หรือโอกาสทางอาชีพอื่นๆ ชีวิตก็จะวนเวียนอยู่ในปัญหาเดิมๆ ซ้ำๆ จริงๆ

แม้ว่าที่ผ่านมา อบจ. มีการให้ทุนการศึกษาสำหรับเด็กๆ แต่ปัญหาคือทุนการศึกษาพวกนี้มักจะไม่ถึงโรงเรียนที่อยู่บนดอย เพราะจะมีโรงเรียนบางแห่งที่เป็นโรงเรียนเอกชนหรือโรงเรียนที่เป็นการกุศล ซึ่งทุนการศึกษาของ อบจ. จะให้เฉพาะโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนรัฐบาล หรือโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในอำเภอรอบนอกเมือง แต่โรงเรียนบนดอยถือว่าอยู่ไกลออกไปอีกจึงเหมือนเป็นพื้นที่ชายขอบที่ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร เด็กๆ ในพื้นที่ก็เลยไม่มีโอกาสได้รับทุนการศึกษา เมื่อไม่มีทุนการศึกษา การเรียนก็เป็นเรื่องยากขึ้น แม้กระทั่งในระดับมัธยม บางทีพ่อแม่ก็ไม่สามารถส่งลูกไปเรียนได้ เพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนสูง ทั้งค่าหนังสือ ค่าหอพัก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งทำให้เด็กๆ ขาดโอกาสในการเรียนต่อและไม่สามารถพัฒนาตนเองได้

“เราคาดหวังให้นายกอบจ. เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างเส้นทางการคมนาคมที่สะดวก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ รวมทั้งการสนับสนุนในด้านการศึกษาและการทำมาหากินเพื่อให้ชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้นและไม่ตกเป็นคนชายขอบ”

สวิน แสนแก้ว คนไร้บ้านในพื้นที่เมืองเชียงใหม่  ให้ความเห็นว่า ผู้นำที่จะได้รับการเลือกตั้งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้าน โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างรายได้และงานทำ เพื่อช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่ด้อยโอกาสในสังคม

“ปัญหาหลักของคนไร้บ้านหลายคนคือการขาดงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของพวกเราลำบากมากขึ้น บางคนไม่มีโอกาสทำงานอย่างที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งบางคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ก็ยังถูกหน่วยงานรัฐส่งกลับบ้านไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง”

ทั้งนี้การสนับสนุนในด้านอาชีพสำหรับคนไร้บ้านเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะการให้โอกาสในการเริ่มต้นกิจการหรืออาชีพเสริมสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งอาจจะไม่สามารถหางานในตลาดแรงงานได้ง่าย อีกทั้งยังคาดหวังให้มีการสนับสนุนในด้านทุนหรือเงินทุนหมุนเวียนในการเริ่มต้นกิจการเล็กๆ เช่น การค้าขาย หรืออาชีพอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับความสามารถและทักษะของแต่ละคน

“ในอดีตนายกอบจ. ที่ผ่านมา แม้จะมีการให้ความช่วยเหลือในบางครั้ง เช่น การให้เงินช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่เห็นการดูแลที่จริงจังและต่อเนื่องในระดับพื้นที่ ซึ่งบางครั้งการช่วยเหลือก็เกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่ใกล้การหาเสียงเท่านั้น”

สวินยังได้เรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ. คนใหม่ในครั้งนี้ พิจารณามาตรการที่สามารถช่วยเหลือคนไร้บ้านและมีแนวทางที่ชัดเจนในการส่งเสริมอาชีพให้แก่คนกลุ่มนี้ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในระยะยาว

ทางด้าน หม่อง (นามสมมติ) แรงงานเมียนมาในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เปิดเผยถึงความคาดหวังต่อนายก อบจ.ตาก ว่าจะเกิดการพัฒนาสวัสดิการและการดูแลสุขภาพของแรงงานชาวเมียนมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ทำงานในภาคการผลิตและก่อสร้างในพื้นที่แม่สอด โดยเฉพาะในเรื่องของการให้สิทธิการเข้าถึงบริการสุขภาพและสวัสดิการพื้นฐาน เช่น การรักษาพยาบาลฟรี หรือการประกันสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น

“เราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาพื้นที่นี้ แต่บางครั้งกลับไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมในด้านสวัสดิการและสุขภาพ การที่นายก อบจ.คนใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จะทำให้เราได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้น”

โดยในจังหวัดตากได้มีการเลือกตั้งก่อนวาระในวันที่ 15 ธันวาคม 2567 โดยผู้ได้รับชับชนะก็คือ อัจฉรา ทวีเกื้อกุลกิจ อดีตรองนายก อบจ.ตาก สะใภ้ของ ณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกูลกิจ อดีตนายก อบจ.ตาก 2 สมัยซ่อน ซึ่งหนึ่งในความคาดหวังที่นายหม่องพูดถึงคือการที่นายก อบจ.ตากคนใหม่จะส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาของลูกหลานแรงงานเมียนมา เพื่อให้พวกเขามีโอกาสเรียนหนังสือและเติบโตไปในสังคมที่มีโอกาสเท่าเทียมกับเด็กไทย ลูกของเราต้องการโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม การที่นายก อบจ. คนใหม่จะพยายามสร้างโอกาสการเรียนที่ไม่มีการแบ่งแยก จะช่วยให้พวกเขามีอนาคตที่ดีและไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง