12 พฤศภาคม 2566 พรรคก้าวไกลจัดปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 66 ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กรุงเทพฯ พร้อมสโลแกน “คำตอบสุดท้าย #ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน”
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดการปราศรัยใหญ่ครั้งนี้ เผยการเติบโตตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาของพรรค เป็นเพราะการทุ่มเททำงานเคียงข้างประชาชน ผลักดันนโยบายก้าวหน้า ยืนเคียงข้างเยาวชนที่ออกมาเรียงร้องการเปลี่ยนแปลง
อมรัตน์ ยันการทำงานของพรรค สู้นายทุนผูกขาด ท้าทายอำนาจกองทัพ ตรวจสอบงบประมาณศักดินา โดยเผยว่าเป็นการทำงานเพื่อรื้อระบอบปรสิตที่เรื่องรังอยู่ในประเทศมาอย่างยาวนาน
“การทำงานของพรรคก้าวไกลตลอด 4 ปีที่ภูมิใจ คือการทำให้การรัฐประหารเป็นสิ่งที่น่าอับอาย และไร้เกียรติยศ” อมรัตน์กล่าว
พรรณิการ์ วานิช เสนอพรรคตนเป็นพรรคของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ยืนยันอุดมการณ์ความเป็นพรรคมวลชนที่ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของ โดยนอกจากจะทำงานเป็นตัวแทนเสียงของประชาชนแล้ว พรรคก้าวไกล การทำงานของพรรคยังถูกสนับสนุนด้วยอาสาสมัครทั่วประเทศที่ร่วมกันทำงานขับเคลื่อนพรรค ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายแรงงาน เครือข่ายชาติพันธุ์
“ทันทีที่การเลือกตั้งมาถึง อยู่ดีๆปรากฏการณ์ที่แสนมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น อยู่ดีๆเช้าวันใหม่ก็มาถึงพร้อมกับฤดูใบไม้ผลิ เมล็ดพันธุ์ที่หว่านไว้โดยทีมเครือข่าย ทีมจังหวัด ทีมอาสาสมัครทุกคน อยู่ดีๆก็เบ่งบานพร้อมกัน อยู่ดีๆข้อความที่เราไม่เคยรู้ว่าส่งถึงคุณหรือเปล่าก็ได้รับเสียงตอบกลับมา ดังพร้อมกันทั้งประเทศว่าเราได้ยิน” พรรณิการ์กล่าว
ปิยบุตร แสงกนกกุล ขึ้นกล่าว โดยมองว่าการทำงานของสมองมนุษย์จะเรียกเอาความทรงจำในอดีตกลับขึ้นมาทุกครั้ง เพื่อใช้ตัดสินใจอนาคต ทำให้อดีตของเราทุกคนกลายมาเป็น “กรงขังของอดีต” มาครอบงำอนาคตโดยไม่รู้ตัว โดยพรรคต้องการทลายกรงขังของอดีตนี้เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตใหม่ ด้วยความเชื่อที่ว่ามนุษย์เป็นผู้ทรงอำนาจ มีศักยภาพ ในการกำหนดอนาคตใหม่ร่วมกัน
ปิยบุตร ชี้ว่ากลุ่มคนที่ครองอำนาจ ทั้งที่ยังครองอยู่หรือพยายามจะกลับมาครองใหม่ ล้วนพยายามพาประเทศกลับไปสู่อดีต เป็นการดึงเข็มนาฬิกาย้อนกลับไป โดยยืนยันว่าเข็มนาฬิกาของประเทศต้องหมุนไปข้างหน้า เพื่ออนาคตใหม่ที่ประชาชนกำหนดเอง
“นี่คือการเมืองแห่งความหวังครับ หวังว่ายานพาหนะที่ชื่อว่าพรรคก้าวไกล จะนำพาความหวังความคาดฝันของทุกคนเข้ามา แล้วไปมีอำนาจรัฐ ลงมือทำ เปลี่ยนแปลงมัน และด้วยความหวังที่แพร่กระจายไปทั่วเช่นนี้เอง ดุจดังปรากฏการณ์ก้าวไกลไฟลามทุ่งทั่วประเทศ” ปิยบุตรกล่าว
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขึ้นกล่าวต่อ บอกเล่าถึงการเดินทางตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่จนกลายมาเป็นพรรคก้าวไกล กับการต่อสู้ระหว่างพรรคและการคอรัปชั่นต่างๆ ปัญหายาเสพติดที่ต้องแก้ไขตั้งแต่โครงสร้างระบบตำรวจ การผูกขาดในระบบเศรษฐกิจ ปฏิบัติการณ์ IO ของกองทัพ การใช้งบประมาณของกองทัพ หรือการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐอย่างเท่าเทียม
“อนาคตใหม่ ก้าวไกล ไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่อนาคตใหม่และก้าวไกล คือผู้คนและการเดินทาง” ธนาธรกล่าว
ธนาธร กล่าวว่าการทำงานที่ผ่านมาของพรรค เป็นการแสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลกล้าต่อสู้กับทุนผูกขาด ไม่เกรงใจนักการเมืองที่ทุจริต ไร้อุดมการณ์ ไม่เกรงกลัวผู้มีอิทธิพล
“ทุกเรื่องที่เราทำนั้น เราทำท่ามกลางคำปรามาสว่าเราไม่มีประสบการณ์ และขณะที่เป็นฝ่ายค้านทั้งสิ้น แล้วคิดดูว่าในวันนี้เรามีประสบการณ์แล้ว เราจะทำได้ดีกว่านี้ขนาดไหน จากพรรคอนาคตใหม่มาเป็นพรรคก้าวไกล เราเติบโตขึ้นอย่างองอาจกว่าเดิมพร้อมการตื่นรู้ที่มากขึ้นของสังคม” ธนาธรกล่าว
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัย เป็นคนสุดท้ายของเวที พร้อมประกาศ “เวลาของพวกเราได้มาถึงแล้ว”
พิธา ชี้ว่าสิ่งที่รั้งการพัฒนาของประเทศไว้ คือหล่มความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นกว่า 17 ปี ผลักดันการทำลายวงจรรัฐประหารโดยเริ่มที่การปฏิรูปกองทัพอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อบรรลุ 3 เป้าหมาย คือทำให้กองทัพอยู่ภายใต้พลเรือน, ทำให้กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว กองทัพมีขนาดเล็กลง แต่โปร่งใสขึ้น ทันสมัยขึ้น มีสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อยมากขึ้น และภารกิจของกองทัพมีเพียงป้องกันภัยความมั่นคงจากภายนอกประเทศ ส่วนปัญหาความมั่นคงภายใน ปล่อยให้เป็นเรื่องของพลเรือน เช่นนี้แล้ว กองทัพก็จะมีศักดิ์ศรี ไม่มาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน
พิธา เชื่อว่าการเมืองที่ดี ไม่สามารถได้มาได้ด้วยทางลัด แต่ต้องทำให้ระบอบประชาธิปไตยแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าพรรคจะทำให้สังคมกลับมาศรัทธาในระบบรัฐสภาอีกครั้ง จะยกระดับคุณภาพของนักการเมืองไทย สร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ระบบป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่มีประสิทธิภาพ
“สิ่งที่พวกเราต้องการระบบการเมืองที่ดี ไม่ใช่การเมืองที่ฝากความหวังไว้กับคนดี ที่บางทีรู้หน้า แต่อาจไม่รู้ใจ” พิธากล่าว
สุดท้าย พิธากล่าวแสดงความพร้อมในการทำงานตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมรับฟังและเรียนรู้จากคนที่เห็นต่าง พร้อมย้ำว่าประชาชน ว่าเลือกอนาคตอย่าเลือกอดีต เลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกด้วยความกลัว และคำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
ติดตามไลฟ์การปราศรัยย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/videos/1417628332386932
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...