ตำราธุรกิจมูเตลู: ฉบับการโหยหากามอารมณ์โดยเห็นชอบ

นาฬิกาของเวลาได้ขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลง และแปรเปลี่ยนไปอย่างทันทีทันใด เหล่ามนุษย์ผู้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง โดยไม่ทันได้คาดคิดจนเกิดความวิตกกังวล แน่นอนว่าปถุชนคนธรรมดาทั่วไปนั้น ไม่อาจสามารถควบคุมภาวะความยากลำบากนี้ได้ทั้งสิ้น บริบททางสังคมจึงผลักดัน โดยนำความเชื่ออันดั้งเดิมที่ถูกฝังอยู่ในรากเหง้าของชนชาติไทยมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะพิธีกรรม เครื่องรางวัตถุ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อาจารย์จากวัดชื่อดัง หมอดูแต่ละสำนัก อันใดที่ว่าช่วยให้รอดพ้นจากเรื่องราวสามานย์นี้ไปได้ หากเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยแก้ไขปัญหา ไม่ผิดหากจะลงทุนกับความเชื่อ ความหวัง และโอกาส ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเพศ

บท 01: มูเตลูฉบับ Soft Power

คำว่า “มูเตลู” หรือ “สายมู” สันนิษฐานว่าเป็นคำที่ผวนมาจากชื่อภาพยนตร์ของอินโดนีเซีย เรื่อง Penangkal limu Teluh (ภาษาอังกฤษชื่อว่า Antidote for witchcraft) ชื่อไทยคือ “เมเตลู ศึกไสยศาสตร์” กำกับโดย S.A Karim ออกฉายเมื่อปี ค.ศ.1979 (innnews, 2564)

ตลอดระยะเวลาช่วงที่ผ่านมา ความเท่าเทียมทางเพศถูกพูดถึงในวงกว้าง และรณรงค์กันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทั่วไป อีกทั้งยกมาตรการส่งเสริมศักยภาพทางเพศ (GEM) เป็นการวัดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างโอกาสของชายและหญิงในสามประเด็นหลัก การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจและการตัดสินใจ ธุรกิจมูเตลูถึงแม้จะดูเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเรื่องเพศ แต่หากพิจารณาเรื่องเพศและความเชื่อของคนไทย ดำรงอยู่คู่กันในสังคมว่าอย่างยาวนาน เหมือนสำนวนที่ว่า อย่าชิงสุกก่อนห่าม อันหมายถึง ห้ามทำสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัยหรือยังไม่ถึงเวลา โดยระบุถึงเพศหญิงโดยเฉพาะ โดยกาลปัจจุบันธุรกิจความเชื่อดังกล่าว จะออกมาในรูปแบบสินค้าและบริการ อันเสริมความมั่นใจของเพศกามอารมณ์เท่านั้น

(ณัฐมน สะเภาคำ)

ณัฐมน สะเภาคำ นักวิจัยอิสระสายสตรีนิยมและสมาชิกกลุ่ม Sapphic Pride (Feminist LBQ+ advocacy) พูด ถึงปัญหาของประเด็นความหลากหลายทางเพศในพื้นที่ในวงเสวนา ‘การต่อสู้ ความท้าทาย และความหวัง การขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนในภาคเหนือ’ เธอมีความหวังที่อยากเห็น การปฏิบัติต่อผู้ที่มีความหลากหลาย ทางเพศ เธอกล่าวว่า อยากเห็นคนทั่วไปหันมาสนใจเลือกสิทธิทางเพศหรือว่าประเด็นทางเพศมากขึ้น รวมถึงการสร้าง มาตรฐาน ค่านิยมใหม่ ในเวลาที่พวกเราพูดเรื่องเพศ โปรดอย่ามองว่า

“เรื่องแค่นี้เอง เรียกร้องเรื่องไร้สาระ”

นักวิจัยอิสระสายสตรีนิยมย้ำประเด็นหลักว่า เราอยากทลายกำแพงของเพศ ที่มันแบบกักขังเราไว้ว่าทำไม เพียง เพราะเคลื่อนไหวเรื่องเพศ ทำให้รู้สึกถึงความปลอดภัย พร้อมความสงสัยว่า ประเด็นอัตลักษณ์ทางเพศนั้น เป็นเรื่องที่ง่าย

บทความเรื่องเจาะลึกพลัง ‘มูเตลู’ Soft Power ของไทยที่สร้างรายได้สะพัดมหาศาลของณัฐพงศ์ ดวงแก้ว กล่าวว่า Soft Power คือสื่อกลางที่เป็นตัวผลักดัน Soft Power ไทยที่แข็งแกร่ง และสามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับประเทศคือ Sex Worker และ มูเตลู นี่คือตัวตนของความเป็นไทยที่ต่างชาติรู้จัก เพียงแต่ว่าเราคนไทยทั้งหลายไม่ยอมรับตัวตนของเราที่เขารู้จัก และมักจะหลอกตัวเองว่า ‘ไม่จริง’ ด้วยข้ออ้างทางชุดศีลธรรม

ข้ามผ่านประเด็น Sex Worker แต่จะขอพูดถึงพลังแห่ง Soft Power สาย ‘มูเตลู’ ที่คนไทยหลายต่อหลายคนมักหลงลืม และมองข้ามไปว่ามูเตลูสร้างเม็ดเงินและสร้างพลังอำนาจ ซึ่ง ‘มูเตลู’ เป็นความเชื่อดั้งเดิมที่อยู่กับสังคมไทยมาช้านาน เชื่อกันว่าช่วยดลบันดาลหรือสร้างความหวังให้กับคนที่นับถือบูชา ทั้งมีเสน่ห์ เมตตามหานิยม ในปัจจุบันก็พบว่ามีการนำความเชื่อเหล่านี้มาปรับประยุกต์เพื่อมาสร้างรายได้ให้แก่วัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จนถูกกล่าวหาโจมตีว่าเป็นพุทธพาณิชย์ เป็นของปลอม ไม่ใช่แก่นแท้ของศาสนา ณัฐพงศ์กล่าว

บท 02: มูเตลูฉบับนักธุรกิจ

ภคศุภ เพ็ชรดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิจิมัสเกตเทียส์จำกัด (Digimusketeers Company Limited) ประกอบกิจการบริการสื่อทางออนไลน์ วางแผนกลยุทธ์ธุรกิจดิจิทัล และประยุกต์การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยจากรายการ ‘Think up plus เจาะลึกธุรกิจสายมู ใช้ความเชื่ออัพราคาสินค้า คนไทยก็พร้อมจ่าย’ ภคสุภได้ให้เหตุผลที่ทำให้ธุรกิจสายมูเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดธุจกิจปี พ.ศ.2565 ถึงปี พ.ศ.2566 โดยเขากล่าวว่า ในเวลานี้ หากใครได้เดินตามห้างสรรพสินค้า หรือเล่นสื่อสังคมออนไลน์ก็ตาม น่าจะผ่านหูผ่านตาโดนยิงแอดซื้อโฆษณาผ่านหน้าจอมือถือกันมาบ้าง กับเสื้อสีมงคล เคสโทรศัพท์มู วอลเปเปอร์มือถือใช้แล้วรวย กำไลมหาเสน่ห์จากวัดชื่อดัง เหตุผลเดียวที่ทำให้ธุรกิจสายมูปังเด่นชัดคือ อัตราการทำกำไรสูง หรือ Margin ราคาขายเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุน ส่วนกำไรค่อนข้างเยอะ

“คนโดยทั่วไปจะตัดสินใจซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ มากกว่าเหตุผล”

ภคศุภ ได้กล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า ยกตัวอย่างการขายเราเคสโทรศัพท์มือถือทั่วไปธรรมดา กับเคสโทรศัพท์สีมงคงเสริมโชครายวัน แน่นอนว่าเคสมงคลดังกล่าว สามารถขายแพงได้มากกว่า 2-3 เท่า เหตุผลที่อัพราคาสูงได้ เพราะธุรกิจสายมูเล่นกับคำว่า คุณค่าทางอารมณ์ Emotional Value ถ้านักการตลาดจับทางได้ดี ก็สามารถเล่นได้ดีมาก 

กลุ่มกระเป๋าแบรนด์หรูหราอย่าง หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ในกระบวนการผลิตอาจจะแค่หลักพัน แต่จำหน่ายในราคาหลักแสน หลักล้าน โดยเขาไม่ได้มาบอกว่ามันผลิตมาจากหนังจระเข้เนื้อหินอ่อน แต่เขาสร้างความรู้สึกกับผู้บริโภคว่า กระเป๋าใบนี้มันหายาก มันเป็นตัวแทนของความหรูหรา ระดับสูง โดยผ่านการสร้างชุมชนให้คนถือด้วยกันเอง  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการสร้าง Emotional Value ของสินค้า สูงกว่าสินค้าเพื่อคุณค่าการใช้สอยพื้นฐาน (Functional Value) ประกอบกับข้อเท็จจริงจากกระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย ได้เก็บรวบรวมข้อมูลปี พ.ศ.2562 พบว่าในไทยเฉพาะการแสวงบุญ สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากถึง 10,800 ล้านบาท คิดเป็น 0.36% ต่อมูลค่าการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ ทำให้ทั้งหมดที่กล่าวมาวงการธุรกิจสายมูที่เราเรียกกันนั้น มีคุณค่าทางการตลาดที่สูงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย

ทางด้านเดอะ นิคเคอิ (Nikkei Asia) สำนักข่าวต่างประเทศประจำกรุงโตเกียว กล่าวว่า สถานที่พึ่งจากจิตวิญญาณของประเทศไทย ดึงดูดคนหนุ่มสาวในท้องถิ่นที่เผชิญกับชีวิตที่ไม่แน่นอนตลาด นำไปสู่การท่องเที่ยวแบบมูเตลู ซึ่งเติบโต ร้อยละ 40 ท่ามกลางเสน่ห์แห่งโชคลาภที่เฟื่องฟู   โดยใจความของข่าวกล่าวว่า การท่องเที่ยวทางจิตวิญญาณ หรือความเชื่อ กำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงผลกำไรในประเทศไทย โดยที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปแสวงบุญไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองหลวงและที่อื่น ๆ หรือซื้ออาหารและเสื้อผ้าที่มองว่าจะนำความโชคดีมาให้

ทางเดอะ นิคเคอิ ได้สัมภาษณ์หญิงวัย 27 ปี ชื่อสุวนันท์ ที่เดินทางมาที่วัดจากจังหวัดลำพูนเพื่อขอพรให้โชคดีเรื่องการงานและความรัก  ถึงแม้เธอจะเป็นชาวพุทธยังมีรูปพระวิษณุซึ่งเป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดูองค์ปฐมองค์เป็นวอลเปเปอร์ในโทรศัพท์ของเธอด้วย

บทความข่าวต่างประเทศนี้ ยังกล่าวอีกว่า ประเทศไทยกำลังส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงวัดและศาลเจ้าประมาณ 60 แห่ง ตั้งแต่ศาลท้าวมหาพรหมซึ่งเป็นที่นิยมในกรุงเทพฯ ไปจนถึงสถานที่ทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ตลาดการท่องเที่ยวที่เน้นเรื่องจิตวิญญาณจะเติบโต 40% เป็น 15 พันล้านบาท (422 ล้านดอลลาร์) ในปี 2566 จากระดับปี 2562 รัฐบาลคาดการณ์

บท 03: มูเตลูฉบับนักวิพากษ์ความเชื่อ

“ธุรกิจนี้หากินง่าย เป็นเพียงการอ้างถึงความศรัทธาเท่านั้น”

วันเฉลิม ใจมา อดีตประธานชมรมพุทธศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้สนใจในเรื่องพิธีกรรมทางภาคเหนือ เขาได้อธิบายว่า ธุรกิจสายมูเรื่องเพศนั้น แบ่งออกตามหลักคาถาในการท่องซึ่งมามากถึงพันคาถา แต่เขาจะจำแนกออกเป็น 2 ประเภทง่าย ๆ โดยประการแรก คือ เสน่ห์ หรือปิยะ ซึ่งปิยะหมายถึงการทำให้เราเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย อาจเกิดจากความไม่มั่นใจในตัวเอง สินค้าอาจจะเป็นพิธีกรรม ลงนะหน้าทอง หรือการบูชาเครื่องรางต่าง ๆ ไม่ว่าจะกำไลเสริมดวง หินสีอ่อน การพกวัตถุมงคล และปลัดขิก เป็นต้น

อีกประการหนึ่ง คือ ทำเสน่ห์โดยตรง ทำให้เรามีคนชื่นชม หลงใหล่ในกามอารมณ์ รูปโฉม ราคะ จริต โดยส่วนมากทำเพื่อให้แฟนเก่ากลับมา ทำให้คนที่เราชอบมาชอบเรากลับ แน่นอนว่าธุรกิจพานิชย์แบบนี้ พระบางตนก็แอบทำเพื่อหารายได้ คิดอาบัติผิดวินัยร้ายแรง ร้อยละร้อย น้อยมากที่จะทำสำเร็จ เหมือนคำกล่าวที่เขาชอบพูดกันว่า “ได้ก็ดี ถ้าบ่ได้ก็บ่มีกรรมมีเวรต่อกัน” โดยเหตุที่ทำให้ธุรกิจมูเตลูเรื่องเพศที่กล่าวไปข้างต้นเติบโต ก็เพราะว่าคนดี ๆ ที่ไหน ที่มีความสุขสบาย จะวิ่งหาสำนัก นอกจากการทุกข์ใจ ถึงยอมจ่าย ถ้าทำสำเร็จบางครั้งอาจถึงขั้นถวายชีวิตและร่างกาย

บท 04: มูเตลูฉบับแรงพลังเสริมเรื่องเพศ

ทางด้าน ภคศุภ เพ็ชรดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิจิมัสเกตเทียส์จำกัด ได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ข้อดีของธุรกิจสายมู คือไม่ต้องรองรับผลของสินค้าหรือบริการของตัวเอง ถ้าเกิดซื้อมาบูชาแล้วของไม่ดี ขายไม่ปัง ร้อยทั้งร้อย ไม่มีลูกค้ามาคืนสินค้า เพียงแต่เปลี่ยนไปบูชาสำนักอื่นเท่านั้น อีกหนึ่งความน่าสนใจคือ ธุรกิจสายมูสอดคล้องกับค่าสถิติ สมมุติการไปบูชาสินค้าบริการวัดแห่งหนึ่ง ค่าสถิติมีไปขอหวย 100,000 คน ถูกเลขท้ายสองตัว ต้องมีคนถูกอย่างต่ำ 1,000 คน ด้วยบรรยากาศที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความขลัง ดังนั้นจำนวนค่าสถิติจึงทำงาน ทำให้คนพร้อมใจกันบนบานศาลกล่าว กราบไหว้บูชา ภคศุภ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากทำแล้วสบายใจ ไม่เดือดร้อนใคร ไม่เสียหาย แล้วเราออกไปทำงานทำการอะไรก็ตาม มันมีผลดีเสมอ เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล

จากบทความข้างต้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจมูเตลูฉบับเสริมดวงเรื่องเพศนั้น จะได้รับความนิยม และมีมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจอย่างสูง อย่างไรก็ตาม ความเชื่อ ความศรัทธา และการบูชา ยังทำหน้าที่ในบริบทของสังคมไทย แม้บางท่านอาจจะมีข้อโต้แย้งว่างมงาย บางท่านอาจจะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ สุดท้ายมนุษย์ยังคงต้องการที่พึ่งทางใจ ทางด้านผู้ขายสินค้าบริการยังมียอดกำไร นั่นคือหลักของธุรกิจ การส่งเสริมแรงเรื่องเพศ ความเท่าเทียม ความเสมอภาค อาจมองเห็นได้ไม่ชัด แต่การมูเพื่อเพิ่มความมั่นใจในด้านราคะ ความอยาก ความใคร่ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ต่างจากธุรกิจการตกแต่งอวัยวะเพศ ธุรกิจอ่างอบนวด ธุรกิจขายบริการ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เรามี Self Esteem คือ ความคิดเห็นที่มีต่อตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิต รวมถึงการรับมือกับอารมณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เคารพในความต่าง ปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเคารพ ให้เกียรติและศักดิ์ศรีอย่างที่พึงปฏิบัติกับผู้อื่น รวมถึงอย่างที่ตนคาดหวังให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อตนเอง โดยไม่กระทบต่อผู้อื่น

ที่มา:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง