‘หยุดกฎหมายป่าปลอดคน’ เกษตรกร-ประชาชนเชียงใหม่ ประท้วงหยุด ‘พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์’

11 พฤศจิกายน 2567 เวลา 08.30 น. ที่ลานอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เชียงใหม่ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือและประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจาก “พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์” รวมตัวกันในนามขบวนการป่าปลอดคนหยุด “พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์” เรียกร้องให้รัฐบาลแพทองธารหยุดผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์เข้า ครม. ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย. 2567) โดยทันที เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจะทำให้มีประชาชนที่อยู่ในเขตป่าถูกไล่ออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก

09.30 น. ประชาชนได้เคลื่อนตัวจากลานอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย มุ่งหน้าไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในเวลาต่อมา นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือและกล่าวว่าจะนำข้อเรียกร้องนี้ส่งไปยังรัฐบาลให้โดยเร็วที่สุด

ขบวนการประชาชนได้แถลงการณ์หยุดพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์ เรื่อง รัฐบาล ‘แพทองธาร’ ต้องหยุดผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์เข้า ครม. โดยมีเนื้อหาว่า

“ท่ามกลางการรุกไล่ประกาศพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามนโยบายของหลายรัฐบาลสืบเนื่องกันมาทำให้สถานการณ์การเร่งรัดประกาศป่าอนุรักษ์ด้วยการออกกฎหมายและใช้กำลังป่าเถื่อนเกิดเป็นกรณีความขัดแย้งทั่วประเทศ ข้อพิพาทอันปรากฏเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนหลายกรณีตอกย้ำความรุนแรงจากผู้ถือกฎหมายที่กระทำต่อผู้คนในเขตป่าอย่างเลือดเย็นไม่จบสิ้น และท่ามกลางช่วงเวลาอันเจ็บปวดเหล่านั้นที่พวกเราในฐานะ “ผู้บุกเบิก” และผู้ดูแลรักษาป่าถูกกล่าวหาว่าเป็น “ผู้บุกรุก” และผู้ทำลายป่า แต่พี่น้องของเราก็ได้ยืนยันสิทธิและร่วมต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมมาโดยตลอด นอกจากนี้ที่ผ่านมา หลายชุมชนยังได้ร่วมกันดูแลรักษาป่า และปกป้องผืนป่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ทำให้ปัจจุบันสภาพป่าได้ฟื้นตัวและมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิม แต่ภัยคุกคามใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ คือความพยายามของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่เร่งผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์ภายใต้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ และ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ให้มีผลบังคับใช้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เนื้อหาในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับนั้นเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน เปลี่ยนประชาชนผู้บุกเบิกให้กลายเป็นผู้บุกรุก สอดแทรกแนวทางการยึดที่ดินของประชาชนบีบบังคับจำกัดสิทธิ์การถือครองที่ดิน และยังรวบอำนาจผูกขาดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติไว้ที่หน่วยงานป่าไม้เท่านั้น แนวทางดังกล่าวเป็นการผลักคนออกจากป่าไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมาแม้แต่น้อย

วันนี้เราขอประณามการกระทำของกระทรวงทรัพยากรฯ และกรมอุทยาน ฯ ที่พยายามผลักดันกฎหมายอนุรักษ์อันล้าหลังและอำนาจนิยมขนาดนี้มากดขี่ประชาชนโดยไม่สนใจกระแสโลกที่เปลี่ยนไปสู่การกระจายอำนาจการจัดการทรัพยากรสู่ชุมชนท้องถิ่น แม้ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยแล้วก็ตาม

และเราขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร, รองนายกรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เฉลิมชัย ศรีอ่อน รวมถึงคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ว่าคุณจะต้องแสดงความกล้าหาญปกป้องประชาชนที่อยู่ในป่าอนุรักษ์กว่า 4 พันชุมชนที่กำลังถูกฝ่ายรัฐราชการอำนาจนิยมโดยกรมอุทยานฯ กดขี่รังแก โดยในอังคารที่ 12 พฤศจิกายนนี้ รัฐบาลต้องยุติการนำร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข

“หยุดพระราชกฤษฎีป่าอนุรักษ์ที่ไม่เห็นหัวคนทันที” นี่คือประกาศิตจากพวกเราในนามประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประเทศ จะให้ประชาชนอยู่อย่าง “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” อย่างไร ในเมื่อที่ดินทำกินเรากำลังจะถูกยึด วิถีชีวิตกำลังถูกทำลายย่อยยับ รัฐบาลแพทองธารที่อ้างตัวว่ามาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย จะต้องกล้าหาญที่จะหักหาญกับข้าราชการประจำเพื่อปกป้องสิทธิของพี่น้องประชาชนอย่างถึงที่สุด เพราะเราต้องทุกข์ทนจากกฎหมายป่าไม้มรดกรัฐบาลเผด็จการ คสช. มากว่า 10 ปี หน้าที่ของรัฐบาลเลือกตั้งคือปลดปล่อยพวกเราออกจากอำนาจป่าเถื่อนกดหัวคนจนในคราบนักอนุรักษ์ที่กดทับเรามาหลายทศวรรษแล้วเช่นกัน ซึ่งนี่จะเป็นเดิมพันถึงอนาคตของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเช่นกันว่าจะดำรงอยู่ได้อย่างสง่างามในสายตาประชาชนไทยและประชาคมโลกหรือไม่ หรือจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจเผด็จการและลิ่วล้อข้าราชการเท่านั้น”

หากในวันนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ส่งสัญญาณว่าจะยกเลิกการพิจารณา พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ ขบวนการป่าปลอดคนหยุด “พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์” จะยังคงปักหลักอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และจะมีตัวแทนเดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง