เรื่อง: กองบรรณาธิการ
- อบจ.เชียงราย เดินหน้าพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ ผ่านการจัดกิจกรรมและโครงการที่อาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเมือง เพื่อส่งเสริมศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่น และการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม ให้เชียงรายเป็น ‘เมืองแห่งความสุข’
- Chiang Rai Sustainable Design Week แนวทางจัดกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ มุ่งผลักดันเชียงรายใน 3 มิติ ให้เป็นทั้งเมืองน่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยว เพื่อการเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบอย่างยั่งยืนโดยในปี 2567 มีผู้ร่วมงานประมาณ 22,736 คน
- ทั้งนี้ยังพบว่ากิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเยาวชนยังมีน้อย, ผู้ร่วมงานยังขาดการรับรู้เกี่ยวกับการเป็นเมืองออกแบบสร้างสรรค์, ขาดการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในกระบวนการจัดงาน 3 จุดอ่อนที่ทำให้ Chiang Rai Sustainable Design Week ยังไม่สามารถเป็นเทศกาลที่โอบรับความหลากหลายได้อย่างแท้จริง
- เอ๋-ปกรณ์ รุจิระวิไล แห่ง A.E.Y SPACE ผู้ร่วมจัดงาน Pakk Taii Design Week จังหวัดสงขลา เล่ากระบวนการจัดงานเทศกาล Pakk Taii Design Week ว่าทีมผู้จัดทำได้ให้ความสำคัญกับการกระจายโอกาสเป็นหลัก โดยวางระบบเพื่อไม่ให้การจัดงานถูกผูกขาดอยู่กับกลุ่มใดเพียงกลุ่มหนึ่ง แต่ละปีจะมีการหมุนเวียนให้ศิลปินและนักออกแบบหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงผลงาน ทำให้ Pakk Taii Design Week ยังคงความสดใหม่อยู่เสมอ
- แม้เชียงรายจะมีผู้ประสานงานเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์เป็นภาคเอกชนที่ยูเนสโกให้การยอมรับว่าเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างนั้นการมีส่วนร่วมของภาครัฐก็ยังถือเป็นส่วนที่สำคัญในการพัฒนาเมืองไม่แพ้กัน หากมีแนวทางหรือนโยบายที่เป็นรูปแบบ ก็อาจจะช่วยให้การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์สามารถทำได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง แม้จะมีการเปลี่ยนวาระของผู้ดำรงตำแหน่งปกครองเมืองก็ตาม
หลายคนคงนึกถึงภาพของจังหวัดเชียงราย ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของศิลปวัฒนธรรมหลายแขนง มีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ถวัลย์ ดัชนี และเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นอกจากนั้นยังมีศิลปินและนักสร้างสรรค์อีกมากมายที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนวงการศิลปะของจังหวัดอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ต่างผสานกันอย่างลงตัวจนทำให้เชียงรายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไม่น้อย หลายคนมักจะบอกว่าเชียงรายคือ ‘เมืองศิลปะ’ เป็น ‘เมืองสร้างสรรค์’ จนส่งผลให้ เชียงราย เสนอตัวเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบถึง 2 ครั้งจนได้รับการรับรองจากยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design)’ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566
‘เมืองสร้างสรรค์’ หรือ ‘Creative City’ หมายถึง เมืองที่มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่หลากหลายเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมด้านอาหาร หัตถกรรม ศิลปะพื้นบ้าน การออกแบบอาคาร ไปจนถึงการออกแบบและการวางผังเมือง ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีเมืองที่ได้รับรองเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO) แล้ว 5 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต, เชียงใหม่, กรุงเทพฯ, สุโขทัย, เพชรบุรี การเป็นเมืองสร้างสรรค์ทำให้เมืองดังกล่าวเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มากขึ้นและมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเยอะขึ้นกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้การที่เชียงรายได้รับการรับรองให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเชียงราย ในการพัฒนาเมืองที่รองรับทั้งการท่องเที่ยวในระดับประเทศไปจนถึงระดับโลก
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้เดินหน้าพัฒนาเมืองสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดกิจกรรมและโครงการต่างๆ โดยอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเมือง เพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่น และการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม เป้าหมายไม่เพียงแค่ยกระดับเชียงรายให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นที่การจะสร้าง ‘เมืองแห่งความสุข’ ที่ประชาชนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในกิจกรรมเพื่อการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ที่น่าสนใจคือ ‘Chiang Rai Sustainable Design Week (CRSDW)’ หรือ ‘เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน’ เทศกาลรวมงานออกแบบและนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย
เปิดแนวคิด Chiang Rai Sustainable Design Week เทศกาลเพื่อสร้างเมืองออกแบบสร้างสรรค์
Chiang Rai Sustainable Design Week จัดขึ้นครั้งแรก เมื่อ 22-28 พฤศจิกายน 2564 โดยองค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและภาคเอกชนร่วมกันขึ้น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมและสนับสนุน นักออกแบบ นักสร้างสรรค์ ตลอดจนผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่เน้นวิถีความยั่งยืน ให้มีพื้นที่ในการนําเสนองาน จําหน่ายสินค้าและทดลองตลาด ผ่านการจัดกิจกรรม โดยกระจายพื้นที่ไปตามย่านต่างๆ ทั่วตัวเมืองเชียงราย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานและผู้ที่สนใจได้เดินเยี่ยมชมเมืองเชียงรายไปพร้อมการร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ในรูปแบบที่หลากหลายภายในงาน
ปี 2567 ที่ผ่านมา Chiang Rai Sustainable Design Week ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด ‘Chiang Rai Creature’ หรือ ‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง’ ระหว่างวันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2567 ณ ศาลากลางหลังแรกจังหวัดเชียงราย และพื้นที่สร้างสรรค์ทั่วเมือง โดยในครั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy Agency (CEA) ได้ร่วมมือกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, อบจ.เชียงราย, เทศบาลเมืองเชียงราย, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, นักสร้างสรรค์ และหน่วยงานเครือข่ายภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ มุ่งผลักดันเชียงรายใน 3 มิติ ให้เป็นทั้งเมืองน่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยว ดังนี้
1.เมืองน่าอยู่ – SMOG I ธุลีกาศ เสวนาและเวิร์กชอปที่ชวนให้ผู้สนใจได้ร่วมทดสอบแนวคิดการออกแบบเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาไฟป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ โดยการใช้วัสดุเหลือจากการเกษตร (Agriculture Waste) มาผ่านกระบวนการออกแบบเชิงนวัตกรรม เพื่อนำมาใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟป่า และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาด พร้อมสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น
2.เมืองน่าลงทุน – Chiang Rai Specialty Coffee Showcase I สล่ากาแฟ กิจกรรมโชว์เคส ‘กาแฟพิเศษ’ ที่ผ่านกระบวนการผลิตคุณภาพสูง ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและรสชาติ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมนวัตกรรมสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ควบคู่ไปกับการรักษาวัฒนธรรมล้านนาและความสมดุลของธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชาวเชียงราย พร้อมทั้งจัดเสวนาหัวข้อ “กาแฟไทย ก้าวอย่างไรให้ยั่งยืน” และ “ออกแบบอนาคตกาแฟเชียงราย” นอกจากนี้ยังมีเวิร์กชอปกาแฟฟรี ทั้งการเลือกเมล็ด การชิม และการชง
3.เมืองน่าเที่ยว – Chiang Rai MOVE I วน “เวียง” เจียงฮาย กิจกรรมที่เปิดให้นักออกแบบรุ่นใหม่ร่วมคิดค้นระบบขนส่งสาธารณะที่ช่วยลดมลพิษ เพื่อการท่องเที่ยวและพัฒนาเมือง ช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางและกระตุ้นการเข้าถึงธุรกิจรายย่อย ซึ่งจะช่วยสร้างแรงกระเพื่อมด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยจัดแสดงผลงานต่างๆ จากกิจกรรมทดสอบแนวคิดระบบการเดินทางสาธารณะของนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ (Academic Program) ดันเชียงรายให้เป็นเมืองที่ผู้คนและนักท่องเที่ยวสามารถ MOVE ไปตามพื้นที่ต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์อีกมากมาย เช่น นิทรรศการผลงานออกแบบ (Showcase & Exhibition) ตลาดสินค้าสร้างสรรค์ (Design Market) ที่รวมงานสินค้าดีไซน์ท้องถิ่นสอดคล้องชีวิตยั่งยืน ในรูปแบบ Green Market – พืชและสวน และ Local Spa – นวดเพื่อสุขภาพ รวมถึงการแสดงดนตรี การเสวนาและเวิร์กช็อปที่จะสร้างแรงบันดาลใจตลอดงาน
Chiang Rai Sustainable Design WEAK? มองจุดอ่อน เพื่อพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ให้เป็นดังหวัง
แม้ว่า Chiang Rai Sustainable Design Week จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมุ่งพัฒนากิจกรรมเพื่อผลักดันให้เป็นทั้งเมืองน่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยว แต่ข้อมูลที่เราเห็นกลับมีจุดที่น่าแปลกใจเพราะผลตอบรับจากการดำเนินงานกลับไม่ได้ดีอย่างที่คิด ชวนให้เกิดการตั้งคำถามว่า “ทำไมคนเชียงรายไม่สนใจงานนี้?”
ข้อมูลจาก รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์: เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2567 ได้ประมาณการณ์จำนวนผู้เข้าร่วมงานโดยเฉลี่ยไว้ที่ 3,248 คน/วัน และหากเราลองคำนวนตามตัวเลขดังกล่าวจะสรุปได้ว่ามีผู้ร่วมงานประมาณ 22,736 คน
นอกจากนั้น ผลการสำรวจจากการตอบแบบสอบถามยังทำให้เห็นอีกว่า ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่มีช่วงอายุอยู่ที่ 30-39 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 25.2 รองลงมาคือช่วงอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 23.0 และช่วงอายุ 23-29 ปี ร้อยละ 19.5 ซี่งมีผู้ร่วมงานในช่วงอายุ 19-22 ปี ในสัดส่วนที่น้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 13.2
เมื่อดูข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมงาน ก็จะได้เห็นข้อเสนอแนะของผู้ร่วมงาน ที่บ่งบอกถึงจุดอ่อนของงานนี้ได้มากขึ้น โดยจุดอ่อนที่ว่านั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเด็นใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้
1.กิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเยาวชนยังมีน้อย แม้ว่าในทุกกิจกรรมภายในงานจะเป็นกิจกรรมที่เยาวชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ แต่ถึงอย่างนั้นกิจกรรมที่ออกแบบมาสำหรับเด็กและเยาวชน อย่าง การเล่านิทานหรือเวิร์กชอปสำหรับเด็ก กลับมีเพียง 4 กิจกรรม จากทั้งหมด 30 กิจกรรม เท่านั้น
2.ผู้ร่วมงานยังขาดการรับรู้เกี่ยวกับการเป็นเมืองออกแบบสร้างสรรค์ แม้เชียงรายจะได้รับการรับรองให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ และผู้จัดทำโครงการต่างพยายามสร้างการมีส่วนร่วมในพื้นที่เป้าหมาย แต่กลับพบว่าผู้คนยังไม่สามารถรับรู้หรือรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับกิจกรรมได้มากนัก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายถูกจำกัดอยู่ในวงแคบเกินไป และยังคงใช้วิธีประชาสัมพันธ์แบบเดิม การรับรู้เกี่ยวกับเชียงรายในฐานะเมืองสร้างสรรค์จึงอาจยังไม่แพร่หลายและทั่วถึงเท่าที่ควร
3.ขาดการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในกระบวนการจัดงาน จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ดำเนินงานในรายงานก็พบว่า ทีมงานผู้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่มากกว่าคนในพื้นที่ ทำให้กิจกรรมบางอย่างไม่ได้ออกแบบมาอย่างเข้าใจคนในพื้นที่จริงๆ
จากทั้ง 3 จุดอ่อนที่ยกมานี้ ทำให้เห็นว่า Chiang Rai Sustainable Design Week ยังไม่สามารถเป็นเทศกาลที่โอบรับความหลากหลายได้อย่างแท้จริง กลายเป็นงานของคนเฉพาะกลุ่มที่ขาดการทำงานกับคนในพื้นที่และขาดความเข้าใจในความเป็นท้องถิ่นของเมืองเชียงราย จนทำให้ผู้เข้าร่วมงานรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมค่อนข้างน้อย
เราได้พูดคุยกับ เอ๋-ปกรณ์ รุจิระวิไล แห่ง A.E.Y SPACE หนึ่งในผู้ร่วมจัดงาน Pakk Taii Design Week ที่จัดขึ้นในจังหวัดสงขลา เพื่อถามถึงแนวทางการมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดงานของคนในพื้นที่ เอ๋เล่าว่า ในการจัดเทศกาล Pakk Taii Design Week ทีมผู้จัดทำได้ให้ความสำคัญกับการกระจายโอกาสเป็นหลัก โดยมีการวางระบบเพื่อไม่ให้การจัดงานถูกผูกขาดอยู่กับกลุ่มใดเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ในแต่ละปีจะมีการหมุนเวียนให้ศิลปินและนักออกแบบหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงผลงาน เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Pakk Taii Design Week ยังคงความสดใหม่อยู่เสมอ
“ปีแรกงานถูกจัดขึ้นโดยคนท้องถิ่นทั้งหมด เราสัมผัสได้ถึงความซื่อและความจริงใจที่ใส่ลงไปในงาน มันเป็นการทำงานที่เน้นการเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง แต่พอปีที่สองที่มีผู้เชี่ยวชาญจากกรุงเทพฯ เข้ามาร่วมด้วย มันมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นก็จริง แต่บางครั้งอาจไม่ได้เข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งเท่าที่ควร เหมือนแตะผ่านๆ แล้วก็จบไป มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้งานออกมาในรูปแบบไหน”
แนวทางนี้อาจเป็นอีกโมเดลที่เชียงรายสามารถนำมาปรับใช้ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่และทำให้ Chiang Rai Sustainable Design Week เติบโตขึ้นในแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์ของเมืองเชียงรายได้อย่างแท้จริง
Chiang Rai Sustainable Design WEEK ยั่งยืนแล้วหรือยัง
จากบทความ SALIKA Knowledge sharing space ได้เปิดมุมมองของ รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง และ พร้อมพร จินดาวงศ์ เนตรหาญ ที่ได้ร่วมบอกเล่าถึงการตั้งกลุ่ม Chiang Rai Creative Common Designer ที่ตั้งใจพัฒนาผู้ประกอบการศิลปะให้เติบโตควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนา โดยมีความเชื่อว่าชาวเชียงรายที่กระจายอยู่ทั่วทุกอำเภอในจังหวัด มีความเป็นนักออกแบบ จึงมีแนวทางที่กำลังใช้ขับเคลื่อนและสร้าง Design Community ขึ้นมา และต่อยอดสู่การเปิด Design School ที่ อพท. จะสนับสนุนต่อไป
“ความพร้อมของเชียงรายในการสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น ยังอยู่ที่ภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนด้วย อย่างที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก็มีห้องแล็บทันสมัยที่ตอบโจทย์ผู้ผลิตเครื่องสำอาง มีโรงงานต้นแบบที่มีพื้นที่สำหรับทำ Food Test เป็นศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ มีศูนย์สมุนไพรไทย ที่เปิดกว้างให้ Young Entrepreneurs ที่อยู่ในเครือข่ายนักออกแบบสร้างสรรค์ไปใช้ได้ ซึ่งจากการนำแนวทางที่ปรับใช้จริงนี้ไปพรีเซนท์กับทางยูเนสโก ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งทางยูเนสโกมองว่าเราสามารถทำในสิ่งที่เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบทั่วโลกทำกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนั้นยังกล่าวอีกว่า เชียงรายเป็นเมืองเดียวในโลกที่ Focal Point หรือผู้ประสานงานเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์เป็นภาคเอกชน 100% และตรงนี้เองที่ทางยูเนสโกมองว่าทำให้เกิดความยั่งยืน เพราะส่วนใหญ่ Focal Point ของเมืองจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งปกครองเมือง ซึ่งมีวาระในการเปลี่ยนแปลงทำให้ดูแลงานด้านเมืองสร้างสรรค์ได้ไม่ต่อเนื่อง ทั้งที่กรอบการพัฒนา “เมืองสร้างสรรค์” จะเป็น character ที่อยู่กับเมืองตลอดเวลา ดังนั้น ยูเนสโก จึงยกย่องเมืองเชียงรายว่าเป็นต้นแบบ หรือ Best Practice ที่เมืองสร้างสรรค์อื่นทั่วโลกควรนำไปปรับใช้เป็นตัวอย่าง เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ได้อย่างยั่งยืน
แม้เชียงรายจะมีผู้ประสานงานเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์เป็นภาคเอกชนที่ยูเนสโกให้การยอมรับว่าเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างนั้นการมีส่วนร่วมของภาครัฐก็ยังถือเป็นส่วนที่สำคัญในการพัฒนาเมืองไม่แพ้กัน หากมีแนวทางหรือนโยบายที่เป็นรูปแบบ ก็อาจจะช่วยให้การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์สามารถทำได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง แม้จะมีการเปลี่ยนวาระของผู้ดำรงตำแหน่งปกครองเมืองก็ตาม
เราจึงอยากลองชวนให้ไปดูตัวอย่างการทำงานร่วมกันของเมืองและนักออกแบบท้องถิ่นจากเมือง Saint-Étienne ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ ในรายงาน Saint-Étienne UNESCO City of Design Monitoring Report 2018–2021 ได้กล่าวถึง ข้อตกลงกรอบการทำงานสำหรับนักออกแบบ (Designers’ Framework Agreement) ซึ่งเป็นแนวทางในการปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเปิดโอกาสให้นักออกแบบสามารถเข้าร่วมกระบวนการคัดเลือกของหน่วยงานท้องถิ่นได้
ข้อตกลงนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2016 โดยมุ่งเน้นให้นักออกแบบมีบทบาทในกระบวนการพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในฝรั่งเศสที่มีการจัดตั้งข้อตกลงกรอบการทำงานสำหรับนักออกแบบในพื้นที่สาธารณะ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักออกแบบในโครงการพัฒนาเมืองอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันมีโครงการกว่า 15 โครงการที่ได้นำข้อตกลงนี้มาใช้เพื่อดึงศักยภาพของนักออกแบบมาพัฒนาเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าหากเราลองถอดบทเรียนจากระบบการทำงานของเมือง Saint-Étienne ประเทศฝรั่งเศส แล้วนำมาปรับใช้กับจังหวัดเชียงราย ก็อาจจะสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับเหล่านักสร้างสรรค์ในจังหวัดได้
หวังว่าจะสร้างสรรค์ หวังว่าจะได้ออกแบบ
การที่จังหวัดเชียงรายเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ในหลากหลายมิติ ผ่านการจัดทำโครงการ จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ งานอีเว้นท์ เทศกาลต่างๆถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการผลักดันศักยภาพของเมืองออกแบบมาสู่สายตาผู้คนมากขึ้น
แต่การดำเนินงานเพื่อการพัฒนานี้จะประสบผลดียิ่งขึ้น หากสามารถกลบจุดอ่อนที่เกิดขึ้นด้วยการปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยออกแบบวิธีการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความเป็นเชียงรายมากขึ้น หยิบยกเอาอัตลักษณ์ทั้งด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และผลงานศิลปะในแบบของท้องถิ่น มาร่วมเป็นส่วนพัฒนาเมืองออกแบบไปด้วยกัน รวมทั้งเปิดให้เหล่านักสร้างสรรค์ในพื้นที่ ได้มีบทบาทช่วยกำหนดทิศทางในการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ และเปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ได้มีพื้นที่ทำกิจกรรมมากขึ้น เพื่อฝึกฝนและพัฒนาผลงานจนเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ และสร้างอาชีพที่มั่นคงให้เหล่านักสร้างสรรค์ เมื่อกลไกเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้ เชียงรายก็จะกลายเป็นเมืองที่ความคิดสร้างสรรค์เติบโต และมีประชาชนร่วมกำหนดทิศทาง
รายการอ้างอิง
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA). (2567). ถอดบทเรียนความร่วมมือขับเคลื่อน จังหวัดเชียงราย เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของยูเนสโก พร้อมปักหมุดสู่เป้าหมายต่อไป ‘เครือข่ายอุทยานธรณีโลก’.
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA). (2567). เทศกาลออกแบบเพื่อความยั่งยืนเชียงราย.
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA). (2567). เปิด 3 กิจกรรมห้ามพลาด โดย CEA ใน Chiang Rai Sustainable Design Week 2024 ดัน “เชียงราย” ให้น่าอยู่ น่าลงทุน น่าท่องเที่ยว 9 – 15 สิงหาคม 2567.
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA). (2567). รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์: เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2567.
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก). (2566). “ยูเนสโก” ประกาศ! ‘เชียงราย’ เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ ‘สุพรรณบุรี’ เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี ปี 2566.
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...