“ปริญญาศักดินา”

13/05/2022

“ทั้งเท็นและนักศึกษาที่ทำกิจกรรมทั้งหมดอยู่ภายใต้บรรยากาศของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ค่อนข้างจะปิดกั้นทางความคิด และไม่เปิดกว้างในด้านเสรีภาพในการแสดงออก ในความคิดเห็นผมคิดว่าการพูดถึงเรื่อง “ปริญญาศักดินา” ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นการพูดถึงใคร แต่เป็นการสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างทางสังคม การเรียนการสอน ​

และการที่คนคนหนึ่งจะจบไป เขาต้องอยู่ภายใต้ความคาดหวังของผู้คนว่าต้องมีใครมาให้ปริญญา ตัวบั้นปลายของการศึกษาเองถึงไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับความสามารถของนักศึกษา แต่เป็นตัวการันตีความเหลื่อมล้ำและความต่ำสูงของสังคม เพราะฉะนั้นสิ่งที่นักศึกษาพยายามจะวิพากษ์วิจารณ์จึงเน้นไปที่โครงสร้างที่แฝงอยู่ในสังคมนี้มากกว่า ​

ผู้คนที่อยู่ในโครงสร้างประเภทนี้เองก็เขาเคยชิน เฉื่อยชา และเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างเหล่านี้มาตลอด จึงไม่แปลกใจที่เขาจะรู้สึกเจ็บปวดหรือเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ​
จริงๆ แล้วสิ่งที่นักศึกษาวิพากษ์วิจารณ์คือเจตจำนงเสรีในการที่จะบอกว่า สิ่งที่เรียกว่าการศึกษาไม่ควรจำกัดอยู่แค่ schooling หรือการเรียนในโรงเรียน แต่ต้องรวมถึง education หรือการศึกษาที่อยู่รายล้อมชีวิตของพวกเรา ทุกอย่างๆ สามารถที่จะเป็นการศึกษาได้ นี่คือการเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาได้พิสูจน์ตัวเอง ​

สอง ในเชิงคดีความเรื่องนี้จบไปแล้ว ตำรวจได้ทำการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว และผมเป็นพยานให้นักศึกษาได้ เพราะว่าในวันที่เขาเปรียบเทียบปรับผมอยู่ในสถานีตำรวจด้วย ตำรวจเองเขาก็อยากที่จะให้เรื่องจบอย่างรวดเร็วและเป็นการไกล่เกลี่ยเจรจากัน ในวันนั้นผมจำได้ว่าตำรวจเองก็พยายามมีเหตุมีผลค่อนข้างมากและทำหน้าที่จบอย่างรวดเร็ว​

สาม ผมคิดว่าวุฒิภาวะของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในตอนนี้ค่อนข้างตกต่ำมาก เขาไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่ดีพอ เราเห็นภาพชีวิตของนักศึกษาที่มีความคิดก้าวหน้า รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดก้าวหน้า แต่ขณะเดียวกันโครงสร้างของมหาวิทยาลัยกลับเป็นโครงสร้างที่ล้าหลัง พร้อมฉุดเขาให้ถอยหลังตลอดเวลา มหาวิทยาลัยในฐานะที่เป็นสถานบันทางสังคมกลายเป็นสถานบันที่ฉุดรั้งผู้คนให้เสื่อมทรามลงเรื่อยๆ สปิริตของนักศึกษาที่ออกไปพูดเรื่องปริญญาศักดินาจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่บอกว่ามหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยน​

การกระทำของนักศึกษาในวันนั้นกรณีปริญญาศักดินา และการกระทำของนักศึกษาอีกหลาย ๆ คนคือการกอบกู้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้สมสถานะสถาบันการศึกษาที่เปิดควรเปิดกว้างทางความคิดและมีเสรีภาพในการแสดงออก​

สุดท้าย โดยส่วนตัวผมผิดหวังเล็กน้อยที่คณะวิจิตรศิลป์กลายเป็นห้องสอบสวน และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กลายเป็นเพียงแค่เบี้ยและหมากให้รัฐเผด็จการพยายามที่จะสั่งการลงมาตลอดเวลา ศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และเกียรติภูมิทางวิชาการลดน้อยถอยลงไปทุกที นักศึกษาในวันนี้ต่างหากที่เขามากอบกู้ชื่อเสียงให้”​

ความเห็นของศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ อาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ ต่อกรณีทางผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ตั้งกรรมการสอบวินัยนักศึกษาเท็น ยศสุนทร หลังทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “ปริญญาศักดินา” ​

ภาพ: วรรณา แต้มทอง​

#lanner

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง