ส่องแคมเปญสุดว้าว Human ร้าย Human Wrong 5 The Team, Making Change “ขนสุขสาธารณะ”

20 กันยายน 2565

สร้างจินตนาการใหม่ถ้าเรามีขนส่งที่ดี ชีวิตคงจะสุขขึ้นแน่ๆ

Lanner โบกมือชวน “จุ๊อี้” และ “น้ำว้า” 2 สมาชิกจากทีมขนสุขสาธารณะ เม้าท์มอย ถึงที่มาที่ไปของแคมเปญ แวะคุยเรื่องทีมนิดหน่อย ก่อนจะชวนกันไปเจอกันที่งาน Human ร้าย Human Wrong 5 The Team, Making Change 24 กันยายน 2565 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 19.00 น. ณ ลานเสี่ยว ซอยหลังวัดอุโมงค์

ที่มาที่ไปของ ‘ขนสุขสาธารณะ’ มันเริ่มมาจากอะไร

จุ๊อี้ : มันเริ่มมาจากเราเข้าร่วมโครงการ Human ร้าย Human Wrong แล้วในโครงการมีการแยกประเด็น ถ้าใครสนใจเรื่องไหน ก็ไปเข้าประเด็นนั้น โดยหัวข้อนี้ก็ประมาณว่า ‘ทำไมเราไม่มีขนส่งสาธารณะในเชียงใหม่’ ซึ่งจริงๆ ประเด็นนี้คนทำไปเยอะมากๆ แต่มาแล้วก็หาย ตัวเราเองก็รู้สึกท้อ เพราะเราก็ขับรถ ขับมอไซค์ไง แล้วมันจะยังไงต่อ

ทีนี้ก็จะเพื่อนๆ ในทีมคือ พล็อต น้ำหว้า ฟ้าใส ที่ไม่ได้ขับรถส่วนตัว เราเลยมาคุยกัน ว่าทำไมมันจำเป็นต้องทำประเด็นนี้ มีจุดหนึ่งที่ทำเราคล้อยตามเลยแหละ ก็คือค่าน้ำมันแพงมาก แล้วเราทำงานละครเวทีด้วย และเชียงใหม่เองที่จอดรถน้อยมาก เราก็ลองมาคิด ถ้ามันมีขนส่งสาธารณะที่ดี มันก็น่าสนใจนะ ที่จะทำให้งาน event ต่างๆ นอกจากละครมันมี Route การเดินทางที่เป็นระเบียบ มลพิษที่ลดลง ก็เลยลงเรือลำเดียวกับทีมเพื่อทำประเด็นนี้ สู้กันสักตั้ง

ทางทีมงาน Human ร้าย เลยให้ความเห็นว่า เรามีกันแค่ 5 – 6 คน เราทำเป็นแคมเปญใหญ่ๆ ไม่ได้ แต่เราทำให้คนคล้อยตามเราได้นะ เราก็เลยตั้งตัวขนสุขสาธารณะขึ้น เพื่อสร้างจินตนาการใหม่ๆ ให้ผู้คน ว่าถ้าเรามีขนส่งฯ มันจะมีอะไรกับเรา จะทำอะไรให้เราได้ ก็เลยเป็นขนสุขสาธารณะ เหมือนเป็น ‘ขนสุข for us’ ‘ขนส่งเพื่อพวกเรา’ อะไรแบบนี้

น้ำว้า: จริงๆ ก็เหมือนกับพี่จุ๊อี๊เลย แต่ว่าตอนเริ่มคิดว่าจะทำ ได้นั่งฟังบรรยายเรื่อง ‘มอเตอร์ไซค์’ เราก็รู้สึกว่า การที่จะทำให้ผู้คนออกมาเห็นความสำคัญมันน่าสนใจ เพราะทุกคนมีมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง แต่มันไม่ใช่ภาระหน้าที่ของเรา ที่จะมามีหนี้ก้อนนี้ แล้วเราก็มาจากจังหวัดอื่นด้วย ไม่มีรถส่วนตัว มันยิ่งลำบากในการใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ที่ทุกคนขับรถเครื่อง แต่เราไม่มีอะไร เลยสนใจประเด็นนี้

ช่วงที่ผ่านมา ทำอะไรไปแล้วบ้าง

จุ๊อี้: อย่างตัวขนสุขฯ เริ่มเลยคือลองมีรถในงานของ Dude Movie ที่จัดฉายหนังฝรั่งเศส เราก็เลยลองกำหนดเส้นทางเดินรถ แต่ด้วยความที่มันกระชั้นชิดด้วย แล้วเราก็มีกันน้อย เลยทำให้คนรู้ไม่กี่คน แต่ตอนที่เราลองทำ ปัญหาที่เจอคือรถที่เราเช่ามันใหญ่มาก ขวางถนนด้วย ทำให้เรารู้ว่ามันไม่ใช่แค่รถที่รับส่งทุกคนแล้ว แต่อยู่ที่การออกแบบการเดินทางในเชียงใหม่ด้วย ทำให้เราได้คิดต่อ

งานที่สองคือไปแปะโปสเตอร์บอมบ์ทั่วเชียงใหม่ ประมาณว่า ‘รถ Missing’ หรือล่าสุดก็ที่ทำกับกลุ่มเขียวเคลื่อนเมือง จำลองเป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ให้คนมาลองออกความเห็น ว่าถ้าเราเป็นผู้ว่าฯ จะจัดการการขนส่งในเชียงใหม่ยังไง

น้ำว้า: เราทำแคมเปญเข้าชื่อใน change.org ด้วย เพราะตอนนั้นคุยกันว่าอย่างน้อยให้ได้รายชื่อก่อน ให้เห็นว่าก็มีคนสนใจนะ แล้วค่อยส่งไปหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จริงๆ มันก็เป็นยอดที่น่าสนใจนะ ตอนนี้คนเข้าชื่อประมาณ 3,979 คน แต่ก็อยากได้เพิ่มเหมือนกัน เพราะคนเชียงใหม่ก็เยอะ แต่ก็รู้สึกดีที่เราสร้างจินตนาการให้เขาเห็นความสำคัญของขนส่งสาธารณะได้

แล้วเรื่องทีมเป็นยังไงบ้าง

จุ๊อี้: ในกลุ่มขนสุขฯ จะมีฟ้าใส ป๊อป พล็อต จุ๊อี้ น้ำว้า แล้วก็พู่ไหมที่ถอนตัวไป เนื่องจากติดภารกิจ ทุกคนคิวทองมาก ทำให้บางงานกระจุกบางคน ทุกคนมีความสามารถที่หลากหลายมาก ป๊อปก็เด่นเรื่องการทำอุปกรณ์ต่างๆ แต่อย่างในทีมที่เข้าค่าย Human ร้าย ทีมงานก็บอกว่าในทีมมีความสามารถน่าสนใจแตกต่างกัน แต่พอมาทำจริงๆ มันเหนื่อยมาก กว่าจะมารวมตัวกันสักครั้งหนึ่ง แต่ว่ามันก็เป็นอะไรที่ทำให้เรารู้ว่า ใครเด่นอะไร แต่ปัญหาก็คือตอนนัดรวมกันกับเวลาที่ไม่ตรงกัน เลยทำให้หลายๆ งานมันช้านิดนึง

น้ำว้า: แต่ละคนก็ถนัดแตกต่างกัน อย่างฟ้าใสก็ค้นข้อมูลหนักมาก อย่างทางนี่กับพี่จุ๊อี๊ก็จะดูเรื่องงาน Art พอมันมารวมกันก็จะแบบว่า ฟ้าใสก็จะรู้ขีดจำกัดตัวเอง พอมันจะโอเวอร์มากเกินไป พอมาจูนกันก็โอเค พี่ป๊อปก็ทำงานสังคมอยู่แล้ว ก็ช่วยกัน พล็อตก็เป็นกวี ช่วยเขียนบทความ ถึงจะเป็นคนเงียบๆ แต่ฟังอยู่ตลอด อีกคนที่ถอนตัวก็อยู่ช่วงแรกที่ระดมความคิดกัน เป็นการสร้างจินตนาการ ที่มันสนุกขึ้นเพราะเรามาจากศาสตร์หลายอย่างที่รวมกันเป็นทีม

Learning ร่วมกันของทีม หรือเรื่องน่าชุบชูใจ แชร์ให้ฟังหน่อย

จุ๊อี้: แต่ละ Event ที่เราทำ มันได้ข้อคิดต่างละอย่าง ที่เราสามารถเอามาปรับได้แต่ละ Event เลย ถ้าชุบชูใจสำหรับเรา คือการที่ได้ยินคนเชียงใหม่นอกจากเรา พูดว่าอยากให้ผลักดันเรื่องนี้ อย่างพี่ๆ สภาลมหายใจเขาก็บอกว่าเคยทำเรื่องนี้เหมือนกัน แต่มันก็ล่มบางครั้ง พอพวกเราทำมันก็มีคนเห็นด้วยต่อ มันก็ทำให้เรามีแรง อยากผลักดันต่อ แต่เราคิดว่าถ้ามีมากกว่านี้หรือได้การสนับสนุนมากกว่านี้ก็น่าจะไปต่อได้

พูดถึงโครงการหน่อยครับ ว่า Human ร้าย Human Wrong ติดเครื่องมืออะไรให้พวกเราบ้าง

จุ๊อี้ : ทีมงานให้เครื่องมือที่น่าสนใจมาก ตอนนั้นที่เขารวมตัวกันครั้งแรก นี่ก็ไม่รู้จักใครเลย ทางทีม Human ร้าย ก็ทดลองเหมือนกันเพราะปีก่อนๆ ทำแบบเดี่ยวๆ คนเดียว แต่ปีนี้ทำเป็นแบบทีม ทีมงานเขารู้สึกว่า ในกลุ่มหนึ่งมีคนหลากหลายความสามารถ ทำให้เห็นความเป็นตัวของตัวเอง เราเด่นอะไร ให้รู้จักตัวเอง หยิบออกมาแชร์กันในทีม แนวคิดที่มันนอกกรอบ แล้วก็ชอบที่ให้ลองดูประเด็น ในประเทศไทยช่วงปีนี้ มีประเด็นอะไรที่คนให้ความสนใจบ้าง ก็ทำให้เราเห็นว่าประเด็นนี้มันส่งผลกระทบอย่างไร ให้ดูเป็น Timeline ปี ไป เป็นอะไรที่น่าขนลุก เห็นภาพกว้างขึ้น มีตรงนี้ก็เลยมีตรงนี้

ฝากงานวันที่ 24 หน่อย ขนสุขฯ จะทำอะไร

จุ๊อี้: ก็ขอฝากงาน Human ร้าย Human wrong ปี 5 นะคะ วันที่ 24 กันยานี้ บ่ายโมงถึงหนึ่งทุ่มตรง นอกจากทีมพวกเราขนสุขฯ ก็จะมีทีม SYNC SPACE แล้วก็ SAAP 24:7 ด้วย เป็นการเปิดแคมเปญที่ทั้ง 3 ทีมร่วมทำกันมาแรมปี ทำกันมานานมาก แล้วก็สำหรับขนสุขฯ จะได้รู้จักจริงๆ ว่าคนทำมันมีกี่คน ได้พูดคุยเบื้องต้นเกี่ยวกับประเด็นที่อยากผลักดัน อยากให้ทุกคนได้รู้จัก ได้รู้ว่าถึงจะเป็นประเด็นที่พูดกันมายาวนานแล้วแต่ก็อยากจะให้มาพูดคุยกันอีกครั้งค่ะ
น้ำหว้า: มันก็เหมือนเป็นการเริ่มต้นของพวกเราเหมือนกัน ที่ผ่านมาเห็นอะไรในการผลักดันว่าทำไมเชียงใหม่ไม่มีขนส่งสาธารณะ แต่การที่เรามาทำให้เห็นภาพชัดขึ้น มันน่าจะทำให้ได้เห็นหลายๆ เสียงหรือเอาไปต่อยอดได้ และมันจะต้องเป็นมากกว่าจินตนาการแน่นอน ใช่ไหมแม่ (ฮา)

เรื่อง: วัชรพล นาคเกษม

ภาพ: วรรณพร หุตะโกวิท

บรรณาธิการสำนักข่าว Lanner สนใจหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องชาวบ้าน : )

ข่าวที่เกี่ยวข้อง