ผนึกกำลังร่างกฎหมายคุ้มครอง Sex Worker

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ (Empower Foundation) จัดงานแถลงข่าวเรื่อง การยกเลิกความผิด “กฎหมายใหม่สำหรับยุคใหม่ของพนักงานบริการ” ถึงเวลายกเลิกความผิดค้าประเวณี คืนความเป็นคนไม่ถูกตีตราคืนความเป็นงานเป็นแรงงานคนหนึ่งไม่ใช่อาชญากรไม่ต้องจ่ายส่วย ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) มีตัวแทนร่วมพูดคุยภายในงานจากหลายภาคส่วนทั้ง นักวิชาการ พนักงานบริการ ตัวแทนจากภาครัฐ และตัวแทนองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ

“พม.” ดันแก้ พ.ร.บ. ค้าประเวณีชี้เป็นช่องทางส่วย-ขูดรีด

โดยจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรี กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการค้าประเวณีล่าสุด คือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี 2539 ซึ่งผ่านมาแล้วถึง 27 ปี จึงไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองที่เปลี่ยนแปลง  ต่อมาในปี 2564  ได้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามฯ  2539  ว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน มีการคุ้มครองสิทธิ ทำให้เกิดช่องทางเอาเปรียบ ขูดรีด หรือค้ามนุษย์หรือไม่ ซึ่งจากการรับฟังความคิดเห็นทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้ให้บริการหรือเซ็กซ์เวิร์กเกอร์ ตลอดทุกภาคส่วนได้ร่วมให้ความคิดเห็น โดยเห็นตรงกันว่ากฎหมายปี  2539 ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้ค้าประเวณีถูกเอาเปรียบ มีเรื่องการขูดรีด มีช่วงทางส่วย การแสวงหาประโยชน์

ย้ำร่างกฎหมายใหม่คุ้มครองเซ็กซ์เวิร์กเกอร์ เล็งชงรัฐบาลใหม่ ก.ค. เชื่อเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย

จินตนา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีความเห็นที่น่าสนใจคือการค้าประเวณีหรือเซ็กซ์เวิร์กเกอร์ถ้าสมัครใจไม่ควรมีความผิดทางอาญา แต่ในส่วนการค้าประเวณีเด็กควรมีความผิด และควรไม่มีการป้องกันไม่ให้มีการแสวงหาประโยชน์ในเรื่องนี้  ที่สำคัญต้องคิดในเรื่องการคุ้มครองเป็นหลัก จากเดิมที่เป็นเรื่องของการป้องกันและปราบปราม เป็นการคุ้มครองเซ็กซ์เวิร์กเกอร์ โดยใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มในการรับฟังความคิดเห็น ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการระดับชาติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามฯ 2539 ซึ่งได้ข้อสรุปว่าต้องแก้กฎหมายนี้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล   ซึ่งได้ใช้เวลาตั้งแต่ต้นปี 2565 ในการร่างกฎหมายฉบับใหม่  มีตนเป็นประธานคณะกรรมการร่างกฎหมาย และผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม

“หัวใจสำคัญของร่างนี้คือการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนมีตัวแทน Sex Worker ด้วย เป็นการทำงานอย่างรอบด้าน ขณะนี้อยู่ในขั้นรับฟังความคิดเห็นซึ่งไม่ใช่การแก้ไข แต่คือการยกเลิกฉบับเดิมเลย เน้นการคุ้มครองสิทธิของผู้ให้บริการ  ถ้ามีรัฐบาลและรัฐมนตรีใหม่ น่าจะเสนอได้ในเดือน ก.ค. ไม่เกิน ส.ค. เราก็จะเสนอกฎหมายฉบับนี้ให้รัฐมนตรีและ ครม. ต่อไปตามขั้นตอคน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากฎหมายนี้จะผ่าน เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพราะที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองเองก็เห็นด้วย   คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญตามหลักสากล โดยในเดือน พ.ย. นี้ประเทศไทยต้องจัดส่งรายงานต่ออนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ  (ซีดอร์) และกฎหมายนี้จะทำให้ซีดอร์เห็นถึงความพยายามของประเทศไทยในการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย” จินตนากล่าว

อ.มธ.ระบุร่างกม.ฉบับใหม่ยกเลิกความผิดทางอาญา กำหนดอายุผู้ให้บริการ 20 ปีขึ้นไป  มีสิทธิประกันสังคม

ขณะที่ณรงค์ ใจหาญ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า   สำหรับเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ข้อแรกสอดคล้องกับหลักการของซีดอร์  ซึ่งในเรื่องการลงโทษผู้ค้าประเวณี ซึ่งกระทำในสถานค้าประเวณี มันควรจะยกเลิกได้แล้ว  ข้อสอง เดิมการอยู่ในสถานค้าประเวณี ทั้งสมัครใจหรือไม่ก็ตามมีโทษปรับ และสามเรื่องการลงประชาสัมพันธ์เพื่อชักชวนคนซื้อประเวณี ก็มีโทษปรับเช่นกัน   ที่ผ่านมา 3 ฐานความผิดนี้ทำให้ผู้ค้าประเวณีผิดไปด้วย ร่างกฎหมายฉบับใหม่ ไม่เอาผิดตรงนี้และยกเลิกไปเลย  รวมทั้งมีความสอดคล้องกับอนุสัญญาป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยถ้าสถานประกอบการค้าประเวณี ผู้ให้บริการมีอายุเกิน 20 ปี และสมัครใจจะไม่มีความผิดทั้งหมด ทั้งผู้ประกอบการและผู้ให้บริการ ตอบโจทย์ของซีดอร์ ที่ผู้ให้บริการจะไม่ต้องโทษอาญาแน่นอน  อีกทั้งเรามองว่าจะทำอย่างไรให้กฎมายฉบับนี้ประกันสิทธิ์เซ็กซ์เวิร์กเกอร์ ในเรื่องการเข้าถึงสาธารณสุข และการตรวจสุขภาพ  จึงเขียนไว้ในกฎหมายว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ และสามารถสมัครเป็นผู้ประกันสังคมได้ รวมทั้งมีหลักประกันในเรื่องค่าจ้างที่เป็นธรรม โดยให้เป็นการตกลงระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง เป็นการการันตีสิทธิ์ที่เขียนไว้ในมาตรา 16

“ในกฎหมายฉบับนี้ หลักการคือยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามฯ 2539 หลักการแรกเขียนเรื่องสิทธิ หรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการทางเพศ กับผู้ใช้บริการทางเพศ  มีหลักประกันสิทธิของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ หลักการสำคัญคือผู้ให้บริการทางเพศต้องมีสิทธิ สัญญาต่างๆ ระหว่างสถานประกอบการต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดไว้ ทั้งเรื่องค่าตอบแทน ที่ไม่ขึ้นกับแรงงานขั้นต่ำ เพราะโดยปกติรายได้จากการค้าประเวณีสูงกว่าแรงงานต่ำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราคำนึงคือค่าตอบแทนที่สถานประกอบการหัก เดิม 60-70% ตรงนี้กฎหมายมีแนวทางที่คณะกรรมการในกฎหมายนี้จะกำหนดกรอบไว้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม และมีกลไกในการไกล่เกลี่ย เพื่อไม่ต้องไปฟ้องศาลให้เสียเวลา”

จดทะเบียนเฉพาะสถานประกอบการ ไม่ต้องขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการ วอนสังคมร่วมผลักดันมองเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน

ณรงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นเดิมผู้ประกอบการ ตั้งสถานบริการทางเพศ ถือว่าเป็นความผิดทั้งหมด ในกฎหมายนี้เขียนว่าผู้ที่ตั้งสถานประกอบกิจการทางเพศ และมีคนที่มาทำงานอายุ 20 ปี ผู้ที่มาให้บริการไม่ต้องจดทะเบียน แต่ให้จดทะเบียนผู้ประกอบการ และมีอายุใบทะเบียน 3 ปี หากไม่ต่ออายุถือว่ามีความผิด  และเราจะไม่ยอมให้คนอายุต่ำกว่า 20 ปีมาใช้บริการ นอกจากนั้นจะมีคณะกรรมการระดับชาติ และมีตัวแทนองค์กรเซ็กซ์เวิร์กเกอร์ไปนั่งในคณะกรรมการด้วย เพื่อวางแนวทางและหลักเกณฑ์ดำเนินการต่างๆต่อไป 

ณรงค์ กล่าวต่อว่า จุดสำคัญในการผลักดันกฎหมายนี้  คือสังคมไทยยังมองว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นอาชีพ  จึงอาจมีการคัดค้าน แต่กฎหมายนี้เขียนปกป้องครอบคลุมเด็ก และผู้ให้บริการไว้ทุกส่วน จึงอยากช่วยให้เผยแพร่แนวคิดว่าเป็นเรื่องสิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชนที่ต้องได้รับการคุ้มครอง  เพราะที่ผ่านมาการค้าประเวณีเป็นความผิดอาญาทำให้เกิดการเอาเปรียบและหาผลประโยชน์ได้ กฎหมายจึงมาเติมตรงนี้ สิ่งที่จะต้องผลักดันต่อคือคนที่บังคับใช้กฎหมายซึ่งมีเส้นแบ่งบางๆ จะมีการแอบแฝงนำเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือมีการบังคับค้าประเวณี จึงมีกลไกกฎหมายเข้าเกี่ยวข้อง และต้องมีกลไกมอนิเตอร์ตรงนี้ ถ้ากฎหมายผ่านได้จะเป็นการยกระดับจากใต้ดินที่ต้องจ่ายส่วย มาอยู่บนดินให้ได้รับการคุ้มครองได้

ตัวแทนพนักงานบริการหนุนกม.ใหม่ ระบุทำให้พนักงานบริการไม่ต้องอยู่ในธุรกิจสีเทาและเปลี่ยนส่วยเป็นภาษีพัฒนาประเทศ

ขณะที่ทันตา เลาวิลาวัณยกุล ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและตัวแทนพนักงานบริการจากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กล่าวว่า ครั้งแรกที่ไปกับผู้ชาย เพราะว่าอยากหาค่านมลูก ตนทำงานมาสามารถส่งลูกจนจบปริญญาตรี 2 คน ทำงานครั้งแรกไม่ได้คิดถึงเรื่องกฎหมายเลย รู้แต่เป็นงานที่ไม่ดีเพราะสังคมบอกว่าไม่ดี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเข้ามาทำจริงจังเป็นงานไม่ใช้วุฒิการศึกษา ไม่ต้องลงทุนมากมาย และสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ พอมาทำจริงก็เจอวางแก้วแรงโดนหักเงิน ไม่สบาย มาสายโดนหักเงิน บางครั้งนายใหม่มาๆ ขอผู้หญิงฟรี ต้องจับสลากกันใครจะซวย  เป็นงานไม่ใช้ต้นทุนแต่ต้องใช้ทักษะและลักษณะนิสัยในการทำงานตรงนี้ได้ แต่พอมาเจอสถานการณ์ถูกหักเงิน ทำให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายมารู้ว่าเป็นความพยายามจากเจ้าของร้านในการเอาเงินไปจ่ายส่วย จึงเป็นครั้งแรกที่เราเรียนรู้เรื่องกฎหมายจากความไม่ยุติธรรม พวกเราพยายามต่อสู้โดยถามหาความยุติธรรมทุกเวที ผ่านมาเป็น 10 รัฐบาล ทุกเวทีบอกเราไม่สามารถทำงานถูกต้องตามกฎหมายได้ เพราะเราไม่ใช่ลูกจ้าง และบอกว่าเราทำงานผิดกฎหมาย คนที่บอกเราตอนกลางวันว่าทำไม่ได้ ก็คือลูกค้าเราตอนกลางคืนนั่นเอง

ทันตา กล่าวอีกว่า เราผ่านวิกฤตมาเยอะ ทั้งสึนามิ น้ำท่วมใหญ่ เสื้อสองสีตีกัน และโควิด ทุกวิกฤตที่ผ่านมาทำให้เราตกงานและไม่มีอะไรรองรับเราเลย พวกเรา 80 เปอร์เซ็นต์เป็นแม่ และคนที่ดูแลครอบครัว เฉลี่ย Sex Worker 1 คนดูแลคนข้างหลัง 5 คน จึงไม่ใช่แค่เราที่เจ็บในเวลาที่ตกงาน เราไม่ได้เรียกร้องมากกว่าคนอื่น ขอให้ได้เท่ากับคนอื่นในสังคมเท่านั้น จริงๆ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปี มีความพยายามอยู่หลายหน่วยงานที่จะสร้างกฎหมายใหม่ๆ ออกมา บอกว่าอยากจะช่วยเหลือเรา ไม่ว่าในรูปแบบการจดทะเบียนคนทำงานก็ดี จดทะเบียนสถานประกอบการ หรือให้ลูกค้าผิดกฎหมายก็มี ซึ่งเราคัดค้านมาตลอดเพราะกฎหมายที่สร้างขึ้นมาไม่เคยมีเราเข้าไปเป็นส่วนร่วม ทั้งที่เราเป็นผู้ถูกใช้กฎหมาย

“แต่มีความตื่นเต้นกับกฎหมายใหม่ตรงนี้ เพราะเรามีส่วนร่วมในการสร้างขึ้นมา ถามว่ากฎหมายนี้มีแล้วอะไรจะเกิดขึ้นในสังคม แน่นอนการทำงานยังเหมือนเดิม จำนวนพนักงานบริการก็เท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอาจมองเห็นมากขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่จะหายไปสังคมไทยคืออาชญากรจะหายไปจากสังคมไทยหลายคน เพราะจะกลายเป็นแค่แรงงานหรือคนทำงานเท่านั้น เราจึงเห็นความสำคัญของกฎหมายนี้ เพราะทำให้เราไม่อยู่ในธุรกิจสีเทาอีกต่อไป เปลี่ยนส่วยเป็นภาษีของประเทศชาติได้ เปลี่ยนการวิ่งหนีตำรวจกลายเป็นมาคุ้มครองเราได้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการ”ทันตากล่าว

ทันตา กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของเราทุกคน และเราอยากจ่ายอยู่แล้ว มีงานวิจัยว่าธุรกิจภาคบริการมีมูลค่ากว่า 2.2 แสนล้านต่อปี เป็นงานวิจัย 10 กว่าปีมาแล้ว ถ้าเงินส่วนนี้มาเป็นภาษีสังคมเราจะดีขนาดไหน และการจ่ายภาษียังดีกว่าที่เราจ่ายส่วยทุกวันนี้ โดยจะให้เป็นการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ได้ 

“องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ”ชมรัฐบาลเห็นปัญหากฎหมายเดิม พร้อมร่วมมือผลักดันร่างกม.ใหม่

Anna Olsen องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) กล่าวว่า เราขอชื่นชมรัฐบาลได้ที่เห็นว่า พ.ร.บ.ใช้ไม่ได้แล้ว แล้วมีความพยายามในการทำงานกับพนักงานบริการ นักวิชาการ ในการร่างกฎหมายฉบับใหม่ขึ้น แล้วยังมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นโดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราต้องยอมรับว่ามีพนักงานบริการกว่า 300,000 คน ที่เป็นผู้ดูแลครอบครัว และสามารถสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้จำนวนมาก แต่เงินเหล่านั้นถูกนำไปจ่ายเป็นสินบน  ทำให้เป็นการสร้างภาระให้กับพนักงานบริการและทำให้พนักงานบริการต้องถูกไปอยู่ใต้ดิน กลายเป็นธุรกิจสีเทา โดยคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบมีข้อเสนอแนะให้ประเทศไทย ต้องทำให้เกิดกลไกการคุ้มครองพนักงานบริการตามกฎหมายแรงงาน  องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ตั้งเป้าทำงานคุ้มครองสิทธิแรงงานทุกคนรวมถึงคนทำงานทางเพศด้วย  เพื่อทำให้ทุกคนได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนั้นสิ่งสำคัญที่สุด หากมีกฎหมายฉบับนี้ จะเห็นการจัดตั้ง การรวมกลุ่มของพนักงานบริการ และกฎหมายฉบับนี้จะเป็นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของพนักงานบริการที่เป็นจริงได้และเราสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างเต็มที่

“พีไอ”ชี้หากกฎหมายฉบับใหม่ผ่านเป็นตัวอย่างกระทรวงอื่นกม.ล้าสมัยต้องแก้ไขได้ 

ขณะที่ปรานม สมวงศ์ กล่าวว่า องค์กรโพรเทคชั่น อินเตอร์เนชันเเนล (พีไอ) กล่าวว่า งานบริการเป็นงานที่ต้องได้รับการคุ้มครอง และต้องไม่ใช่ความผิดทางกฎหมายอาญาเหมือนกฎหมายปัจจุบัน การทำงานบริการไม่ควรเป็นอาชญากร และถ้าไม่ใช่อาชญากรก็ไม่ต้องจ่ายส่วย  คิดว่าถ้ากฎหมายนี้ผ่านจะเป็นตัวอย่างที่ดีของทุกระทรวง และเป็นสิ่งพิสูจน์ว่ากฎหมายที่ล้าสมัยสามารถแก้ไขได้ ถ้ากฎหมายนั้นไม่สามารถคุ้มครองสิทธิของประชาชน 

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง