Lannerพื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

23/05/2022

วันที่ 22 พฤษภาคม “เอ เซียนแว่น” สราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ นักกิจกรรมทางการเมืองจากกลุ่มราษฎรเชียงราย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า “จนท.ฝ่ายความมั่นคงที่เป็นสายข่าวให้ผมแจ้งว่า จนท.รัฐบางหน่วยได้ทำปฎิบัติการ io ปล่อยข่าวว่าจะอุ้มผมหายหากไปขี่มอไซค์เล่นบนดอยไกล ๆ แถวชายแดน ซึ่งตรงกับแหล่งข่าวของผมที่เป็นทหาร ที่หวังดีโทรมาบอกว่ามีคำสั่งให้จับตาดูเวลาผมไปแถวชายแดน หากตอนมืดค่ำยังไม่กลับ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาว่าเซียนแว่นอยู่ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งแหล่งข่าวที่เป็นทหารผมบอกว่า แบบนี้ไม่ปลอดภัย แม้จะเป็นเพียงคำขู่ แต่ก็ไม่ควรมาขี่มอไซค์แถวชายแดนหลังพระอาทิตย์ตกดิน” ​
​
จากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญหาหาการคุกคามนักกิจกรรมในพื้นที่ภาคเหนือเริ่มมีมากขึ้น เนื่องด้วยความต้องการของรัฐบาลที่พยายามปิดปากผู้มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐ การคุกคามที่พบเจอปรากฏในรูปแบบของการเยี่ยมหาผู้ปกครองที่บ้าน มีการแจ้งข้อมูลให้มีการจับตาความเคลื่อนไหว การทำฐานข้อมูลบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมถึงการดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการทำกิจกรรมทางการเมือง ​
​
หากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล มีการอภิปรายกรณีที่กองทัพบก ขออนุมัติติดตามความเคลื่อนไหวนักกิจกรรมทางการเมือง, นักวิชาการ, นักการเมือง, นักสื่อสารมวลชน จำนวนทั้งสิ้น 45 เป้าหมาย ในส่วนของกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งดูแลและรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ มีเป้าหมายการติดตามนักกิจกรรมทางการเมือง จำนวน 3 ราย หนึ่งในสามรายดังกล่าว คือ “สราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์”​
​
โดยในวันเดียวกันนี้ เฟซบุ๊คส่วนตัวของสราวุทธิ์ได้โพสต์ภาพและคลิปว่าสมาชิกราษฎรเชียงราย โดนจนท.รัฐขับรถตามในชีวิตประจำวัน โดยระบุว่ากังวลถึงเรื่องความปลอดภัยเพราะสมาชิกที่ถูกขับรถตามอยู่บนดอยแม่สลอง ใกล้ชายแดนจังหวัดเชียงราย​
​
ทั้งนี้ เวลา 17:00 น. บริเวณห้าแยกอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ตลาดสดเทศบาล1 (กาดหลวง) และบริเวณสวนตุงและโคมจังหวัดเชียงราย สราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ แกนนำกลุ่มราษฎรเชียงราย ได้จัดกิจกรรมขับเคลื่อนประเด็นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยตนเอง โดยการทำโพลล์ในหัวข้อ “คนเจียงฮาย อยากเลือกตั้งผู้ว่าฯ เอง หรือไม่?” เพื่อสำรวจความคิดเห็นของชาวเชียงราย ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยตนเอง และการสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการพัฒนาจังหวัด การแก้ปัญหาอย่างตรงจุด และการกระจายอำนาจสู่ประชาชนภายในจังหวัด รวมถึงหยุดระบบอุปถัมภ์ในการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดอีกด้วย​
​
#ราษฎรเชียงราย​
#Lanner

23/05/2022

22 พฤษภาคม ภาคีเครือข่ายรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมปักหมุดกระจายอำนาจ เลือกตั้งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ณ ลานท่าแพ​
​
โดยกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. มีกิจกรรมหย่อนบัตรเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มหานคร(จำลอง) พร้อมการประกาศนโยบาย โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 หมายเลขได้แก่ 1.นายคำ ณ ป่าแห่วง มีนโยบายเพิ่มพื้นที่ป่า 20% ใน 4 ปี ,จัดตั้งสภาพลเมือง,เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์,โรงเรียนคุณภาพประจำจังหวัดเชียงใหม่ 2.นางคำเกี๋ยง ฮักเจียงใหม่ มีนโยบายหลักสูตรระกษ์เชียงใหม่ทุกโรงเรียน,หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งผลผลิต,หนึ่งตำบล หนึ่งอ่างเก็บน้ำ,ขนส่งสาธารณะจากในเมืองสู่ 25 อำเภอ 3.นายจั๋นเป็ง กระจายอำนาจ มีนโยบายศูนย์เด็กเล็กคุณภาพทุกแห่ง,ตลาดกลางเพื่อเกษตรกร,ทะเบียน คทช. เต็มพื้นที่ใน 4 ปี 4.นายมา แจ๊ะแฮะ มีนโยบาย ผู้ว่า ฯ มีอำนาจเด็ดขาด,ตีกรอบความคิดท้องถิ่นฟังเสียงส่วนกลาง,อยู่ 2 ปีต้องได้ย้ายและเกษียณ,ประชาสัมพันธ์งานต่อเนื่อง 5.นางธรรมนูญ ปลดล็อก มีนโยบายเพิ่มเบี้ยสูงอายุ 200 บาท,พัฒนาประชาธิปไตยท้องถิ่นให้เข้มแข็ง,ขยะครบวงจร เพิ่มมูลค่า,คนเชียงใหม่จบแล้วมีงานทำ โดยทำคู่ขนานไปกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ​
​
จากนั้นเวลา 17.00 น. เปิดกิจกรรมด้วยกลองสะบัดชัย โดยกลุ่มเด็กเยาวชนเชียงใหม่ พร้อมทั้งกล่าวต้อนรับโดย ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ประธานภาคีเครือข่ายรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ โดยแกนนำองค์กร และผู้นำสาขาอาชีพต่างๆ กล่าวยืนยันให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เครือข่ายสุขภาพให้ความเห็นว่าในสถานการณ์โควิดคนหลายอาชีพไม่ได้รับความช่วยเหลือ เนื่องจากการบริหารงานที่ไม่เข้าใจปัญหา ด้านศาสนิกสัมพันธ์ กลุ่มศาสนาต่างๆ เห็นตรงกันว่าจะต้องมีการกระจายอำนาจ ไม่ผูกขาดอยู่ที่ส่วนกลาง สภาลมหายใจมองเห็นว่าปัญหาฝุ่นควันและไฟป่าเป็นปัญหาที่เจอทุกปี ถ้ามีผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้งที่เข้าใจปัญหาอาจจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน กลุ่มรักษ์เมืองเชียงใหม่เสนอว่าต้องการอนุรักษ์และพัฒนาเมือง เชียงใหม่ต้องมีอำนาจบริหารงานของตัวเอง ทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อม คนจนเมือง ได้อย่างยั่งยืน ด้านเลขาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ เสริมว่าไม่ต้องการผู้ว่าที่มาจากการแต่งตั้งที่ดำรงตำแหน่งไม่กี่ปี ทำให้ไม่เข้าใจปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดการรวมศูนย์ การพัฒนาระหว่างกรุงเทพและเชียงใหม่จึงห่างไกล ด้านนักธุรกิจนักลงทุนเห็นว่าต้องเลือกตั้งผู้ว่า ภาคีครูประกาศว่าพัฒนาการศึกษาต้องกำหนดการศึกษาจากท้องถิ่นได้ เพื่อกำหนดการศึกษาเองที่ไม่ยึดหลักสูตรของส่วนกลาง ตัวแทนกลุ่มเยาวชนอธิบายภาวะสมองไหล เยาวชนต้องออกจากภูมิลำเนาของวตัวเอง ทั้งนี้ในประเด็นขนส่งมวลชนก็ถูกตั้งคำถามจากเยาวชนว่าทำไมขนส่งมวลชนเชียงใหม่ถึงไม่สามารถบริหารจัดการได้เหมือนที่กรุงเทพ ฯ ด้านชำนาญ จันทร์เรืองอธิบายว่าการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯ ในครั้งนี้ต้องนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปกครองท้องถิ่น​
​
เวลา 18.30 น. ทางภาคีได้กล่าวแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์เลือกตั้งผู้ว่าฯเชียงใหม่ โดยมีเนื้อหาว่า วันนี้ 22 พฤษภาคม 2565 เป็นวันครบรอบ 8 ปีของการยึดอำนาจ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนต้องสิ้นสุดลง ​ และนับตั้งแต่นั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงกติกาหลายๆอย่าง ​ เพื่อให้กลุ่มที่ยึดอำนาจได้รับประโยชน์ ​ จึงเกิดการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2562 และประชาชนต้องรอคอยจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2564 ​ จึงได้มีการเลือกตั้ง อบต. เทศบาล อบจ. ขึ้นทั่วประเทศ ​ และในวันนี้ กำลังมีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา เราต้องยอมรับก่อนว่าการทำรัฐประหาร ​ การยึดอำนาจการปกครองประเทศไปเป็นของคนเพียงกลุ่มหนึ่งไม่เคยเกิดผลดีใดๆ นอกจากฉุดรั้งการพัฒนาประเทศไว้ ญี่ปุ่นไม่เคยมีรัฐประหาร ​ และมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯทั่วประเทศมาแล้วทุกๆ 4 ปีเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2490 เป็นต้นมา เกาหลีใต้ก็เช่นกัน ​ หลังจากประชาชนโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการชุน-ดูฮวานลงได้ในปี พ.ศ. 2532 และสถาปนารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ​ และจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯขึ้น ​ ทั่วประเทศ ​ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ​ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เจริญก้าวรุดหน้าขึ้นเป็นลำดับบ้านเมืองงดงาม ​ ผังเมืองเป็นระเบียบ ระบบขนส่งสาธารณะยอดเยี่ยมทุกๆจังหวัด และที่สำคัญคนไทยต่างพากันไปขายแรงงานและท่องเที่ยวชมญี่ปุ่น ​ เกาหลีใต้อย่างเนืองแน่น และต่อเนื่องก็เพราะสาเหตุดังกล่าว ​ เราล้วนเป็นคนไทยเสียภาษีอากรเช่นเดียวกับพี่น้องคนกรุงเทพฯ ​ แต่ทำไมคนกรุงเทพฯ มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ แต่จังหวัดอื่นๆ 76 จังหวัดไม่มี ​ มีคณะที่ปรึกษาและฝ่ายวิชาการทุกกระทรวงทำงานด้านนี้ ​ สรุปความเห็นเรื่องเหล่านี้อย่างไรในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา ประชาชนเรียกร้องมาหลายครั้ง ​ ผู้นำประเทศแต่ละชุดก็ได้ไปดูงานเมืองนอกหลายครั้ง ในวาระที่วันนี้ ​ พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครได้ใช้สิทธิเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น ​ ภาคีเครือข่ายรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯเชียงใหม่ ​ ขอประกาศเจตนารมณ์​
​
1. ภาคีเครือข่ายรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯเชียงใหม่จะยืนหยัดรณรงค์ ​ เพื่อให้คนเชียงใหม่ได้สิทธิในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ต่อไป จะประสานร่วมมือกับประชาชนในจังหวัดอื่น รณรงค์เรื่องนี้อย่างเต็มที่​
2. สมาชิกภาคีเครือข่ายฯ จะเริ่มออกพบปะประชาชนในทุกๆ อำเภอ เพื่อผลักดันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ​ ​
3. รูปแบบการรณรงค์จะมีความหลากหลาย และรูปแบบการร่วมมือกับองค์กรรณรงค์ในจังหวัดอื่น จะมีความหลากหลายและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น​
​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​
พี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่และทั่วประเทศ บ้านเมืองของเรา ประเทศชาติของเรา ไม่อาจจมปลักอยู่ในความล้าหลังได้ต่อไปอีกแล้ว มีแต่การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ​ การเลือกตั้งที่ต่อเนื่องของ อบต.,เทศบาล,และอบจ. ทุกๆ 4 ปี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ​ ถึงเวลาที่ “ผู้ว่าฯของทุกๆจังหวัด” จะต้องมาจากการเลือกตั้ง ​ โดยประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ​ ขอพวกเรามาสามัคคีกันให้เป็นหนึ่งและร่วมมือกันผลักดัน ​ เพื่อท้องถิ่นของเรา ​ จังหวัดของเราและประเทศอันเป็นที่รักของเรา ​ จะได้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศโดยเร็วต่อไป​
​
จากการนับผลคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มหานคร (จำลอง) ผลเป็นดังนี้ เบอร์ 1 20 คะแนน เบอร์ 2 15 คะแนน เบอร์ 3 25 คะแนน เบอร์ 4 25 คะแนน เบอร์ 5 31 คะแนน ผลคือเบอร์ 5 ผู้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯเชียงใหม่(จำลอง) คือ นางธรรมนูญ ปลดล็อก ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเชียงใหม่ มีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาประชาธิปไตยท้องถิ่นให้เข้มแข็ง มีการจัดการขยะครบวงจร และคนเชียงใหม่จบแล้วมีงานทำ​
​
ทั้งนี้กลุ่ม We’re all voters: เลือกผู้ว่าฯ ทั่วประเทศต้องเกิดขึ้นจริง ได้สร้างแคมเปญรณรงค์นี้ถึงพรรคการเมือง เพื่อผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เป็นนโยบายพรรคก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า มีเหตุผลมากมายที่เราควรเลือกตั้งผู้ว่าฯ ได้เอง เพื่อเกิดการแข่งขันเสนอนโยบายที่เหมาะสมตามแต่ละพื้นที่,เกิดการกระจายทรัพยากรที่ทั่วถึง,ประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของท้องถิ่น เพื่อป้องกันการทุจริตได้ตลอดเวลา,จังหวัดได้คนที่เข้าใจปัญหาท้องถิ่นของตนอย่างแท้จริงและคนธรรมดามีสิทธิลงรับเลือกตั้ง,ตัดปัญหาผู้ว่าฯ ถูกโยกย้ายแบบตรวจสอบไม่ได้ โดยสามารถลงชื่อได้ที่ Change.org/WeAllVoters​

​
ภาพ: กนกพร จันทร์พลอย​
​
#เลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ ​
#ปลดล็อกท้องถิ่น​
#Lanner

23/05/2022

บรรยากาศช่วงเช้าหน้า UN ของการชุมนุม #ต่อต้านร่างกฎหมายการรวมกลุ่มของประชาชน​
​
23 พฤษภาคม ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มประชาชน และองค์กรภาคประชาสังคม ได้เริ่มทยอยมาร่วมคัดค้านร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการรวมกลุ่ม โดยในเวลา 05.30 น. เครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศเริ่มทยอยมาถึงหน้าองค์การสหประชาชาติ โดยได้รออยู่ที่ฝั่งหน้าองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กกั้นบริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติอันเป็นจุดนัดรวมตัว ในขณะที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 1 กองร้อยอยู่ในพื้นที่ จากนั้นในเวลา 05.50 น. ได้ย้ายจากหน้าองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มายังฝั่งองค์การสหประชาชาติ UN โดยยกแผงเหล็กเข้ามาปักหลักยังจุดที่นัดหมายไว้ โดยมีมวลชนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง​
​
จากนั้นในเวลา 09.05 น. ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน ได้ยึดพื้นที่ถนนราชดำเนินนอกฝั่งหน้าองค์การสหประชาชาติได้เรียบร้อย เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับการปักหลักชุมนุมระยะยาว รวมถึงเหตุผลด้านความปลอดภัยของประชาชนที่มาร่วม พร้อมเตรียมตัวสำหรับอ่านจดหมายถึงองค์การสหประชาชาติและประกาศตั้งหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ​
​
“ถ้ายกเลิกร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ พี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศจะสามารถมีสิทธิเสรีภาพได้อย่างบริบูรณ์” – เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์​
​
หลังผู้แทนอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงองค์การสหประชาชาติ ได้มีการประกาศตั้งหมู่บ้าน พร้อมประกาศเรียกร้องให้ผู้แทนรัฐบาลมารับหนังสือข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการนำ “ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร พ.ศ. …” เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี​
​
09.45 น. ขบวนฯ ทยอยปูผ้าเต้นท์และข้าวของลงมาบนถนนราชดำเนินนอก ติดกับองค์การสหประชาชาติ และเริ่มนั่งปักหลักบนถนนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งยังคงตรึงกำลังควบคุม​
​
09.57 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศว่าจำเป็นต้องใช้อำนาจในการวางแผงเหล็กเพื่อดูแลความปลอดภัยให้องค์การสหประชาชาติ พร้อมกล่าวว่าการมามั่วสุม ทำลายแผงเหล็ก เป็นการกระทำผิดกฎหมาย อย่าบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ รวมถึงทำร้ายเจ้าหน้าที่ และทำลายทรัพย์สินราชการ ตนไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตของพี่น้องประชาชน ทุกคนต่างปฏิบัติตามหน้าที่ ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย​
​
โดยแถลงการณ์จากกลุ่มขบวนต่อต้านร่างกฎหมายควบคุมการรวมกลุ่มประชาชนส่งจดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP)เพื่อขอให้แสดงความกังวลต่อร่างกฎหมายควบคุมการรวมกลุ่มประชาชนในการประชุมสมัยที่ 78 ที่นายกรัฐมนตรีจะมาเปิดงานในวันจันทร์ที่ 23 พ.ค. 65 เวลา 09.30 น. ​
​
สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่ https://www.facebook.com/100586425921040/posts/130822402897442/?d=n​

​
ภาพ: Chaiyawat S. Chanachai​
​
​
#lanner​
#NoNpoBill