05/05/2022
วันนี้ 5 พฤษภาคม เวลา 15.00 น. คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดบรรยายพิเศษ “ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง” อุดมคติ ประสบการณ์ และโลกแห่งความเป็นจริงจากมุมมองของนักกฎหมายคนหนึ่ง โดยอานนท์ นำภา ทนายสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นการปฐมนิเทศนักกฎหมายใหม่ทั่วประเทศ รวมถึงนักศึกษาที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ในคณะนิติศาสตร์ รวมไปถึงผู้ที่กำลังเข้าสู่วิชาชีพกฎหมาย รวมไปถึงคนที่อยู่ในแวดวงวิชาการและวิชาชีพกฎหมาย เพื่อค้นหาความเป็นจริงของกฎหมายในสังคมไทย
ก่อนเริ่มการบรรยาย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นัทมน คงเจริญ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวเปิดโดยมีใจความสำคัญ ตั้งคำถามถึงการเข้ามาเรียนกฎหมาย
“เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมจึงมาเรียนกฎหมาย คิดว่าจะร่ำรวย คิดว่าจะมีเกียรติ หรือคิดว่าจะผดุงความยุติธรรม อย่างนั้นหรือ หลายคนฝันใฝ่ตามทางที่ตัวเองต้องการ แต่ไม่ว่าจะหวังไว้อย่างไร อยากจะชวนทุกท่านที่ฟังที่ชมอยู่ในขณะนี้ ว่าความหวังเหล่านี้เป็นจริงได้อย่างนั้นหรือ ความจริงในแวดวงกฎหมายของไทยที่เป็นอยู่นั้นเป็นอย่างไร หลักการทางกฎหมายที่เราร่ำเรียนมา มันปรากฎขึ้นเป็นจริงในสังคมไทยมากน้อยเพียงใด ในวันนี้ได้รับเกียรติอย่างยิ่ง จากทนายน้อยๆ ผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุด นักกฎหมายที่สั่นสะเทือนวงการกฎหมายไทยอย่างยิ่งยวด คำกล่าวนี้ ไม่เกินจริงเลย ไม่ว่าผู้ที่พบเจอ ถ้าไม่รักเขา ไม่ศรัทธาเขา ก็เกลียดและกลัวเกรงอิทธิพลของเขาเหละ ในชั่วโมงนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักทนายอานนท์ นำภา อุดมคติ ประสบการณ์ และโลกแห่งความเป็นจริงจากมุมมองของนักกฎหมายคนหนึ่ง”
“ผมว่าอานนท์ มีคุณสมบัติสำคัญอยู่ 3 ประการสำคัญที่ทำให้สิ่งที่เขาจะพูดในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ และชวนให้นักกฎหมายได้คิดถกเถียงแลกเปลี่ยนกันในอนาคต ประการแรกอานนท์เป็นนักกฎหมายที่เก่งมาก เขาเริ่มทำคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนตั้งแต่แรกเริ่มทำงาน ประเด็นที่ 2 อานนท์ เป็นทนายที่มีประสบการณ์ในการว่าความมากที่สุด ถ้าเทียบกับนักกฎหมายรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาตั้งสำนักงานทนายความกองทุนราษฎรประสงค์ เพื่อรับทำคดีการเมือง ทำคดีชาวบ้านโดยเฉพาะ ประการที่ 3 อานนท์ก้าวข้ามพรมแดนของนักกฎหมายไปสู่นักเคลื่อนไหวทางสังคม เขาเชื่อมโยงบทบาทของนักกฎหมายกับขบวนการเคลื่อนไหว ซึ่งก็นำมาสู่การที่รัฐใช้กฎหมายเล่นงานเขา ถูกเปลี่ยนฐานะจากทนาย กลายเป็นจำเลย ใช้ชีวิตในเรือนจำกว่า 6 เดือน อานนท์จึงมีความเหมาะสมสำหรับการชวนคุยกับนักกฎหมายที่สนใจสังคม การพูดคุยถึงศักยภาพและข้อจำกัดของกฎหมายและนักกฎหมายในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม”
สงกรานต์ ป้องบุญจันทร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวในช่วงแรกของการบรรยาย
อานนท์ได้กล่าวถึงบริบทและเงื่อนไข ว่าตนถูกศาลวินิจฉัยว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ล้มล้างการปกครอง จากการลุกขึ้นมาพูดเรื่องสถาบัน ปัจจุบันนี้ถูกสภาทนายความตั้งเรื่องเพิกถอนการว่าความจากการปราศัยเรื่องปฏิรูปสถาบัน ณ วันนี้ตนได้รับการประกันตัวจากคดี 112 จาก 12 คดี โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามพูดถึงสถาบันและศาล รวมถึงห้ามไปในที่ชุมนุม และถูกจำกัดการเดินทาง
“ผมพูดในบรรยากาศที่คนรุ่นใหม่ถูกจองจับ 11 คน มีนักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยถูกคุมขัง และมีอีกหลายคนที่กำลังจะโดนเพิกถอนการประกันตัว หลายคนถูกควบคุมด้วยคำสั่งศาลว่าห้ามเข้าร่วมชุมนุม ตอนนี้ผมเองก็ยังใส่กำไลเท้า EM “
“คนรุ่นใหม่เห็นภาพสังคมที่เสมอภาค มีสิทธิทางพลเมืองที่เท่าเทียมกันแล้ว แต่ยังไม่สามารถขายฝันนี้ให้ชนชั้นนำไทย รวมถึงนักเรียนนายร้อย พ่อแม่ผู้ปกครอง นักการเมือง พรรคการเมืองได้ คนที่ติดคุกในตอนนี้เขาก็ฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง ตะวันได้ประกาศอดอาหาร เพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรม และตอนนี้เก็ท (โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง) ก็ประกาศอดอาหารเพื่อประท้วงด้วยเช่นกัน คนรุ่นใหม่เหล่านี้เกิดและเติบโตมาในยุคที่เขาต้องท่องค่านิยม 12 ประการ แต่เขาก็ออกมาต่อต้าน อยากให้คนที่เรียนกฎหมายได้ศึกษาแนวคิดของพวกเราไปด้วย”
ทั้งนี้ เนื้อหาสาระสำคัญที่อานนท์ได้มาบรรยายก็คือประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนกฎหมาย การทำกิจกรรมนักศึกษา เป็นทนายในประเด็นสิทธิมนุษยชน ทำคดีการเมือง รวมทั้งการปราศัยปฏิรูปสถาบัน จนนำมาสู่การมีคดีความของตน นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสังคม รวมไปถึงเรื่องของนักกฎหมายที่ออกมาร่วมต่อสู้
“เราได้เห็นการรวมตัวของนักกฎหมายที่ออกมาทำงานเรื่องสิทธิ เห็นทนายอาวุโสออกมาว่าความร่วมกับน้องๆ เห็นคนในกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ข้างเรา คนที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวกับเราอยู่ข้างเรา”
โดยสาระสำคัญที่ยังไม่ได้กล่าวถึงจะถูกหยิบยกมาพูดถึงที่เพจ Lanner อีกครั้งแบบละเอียด
#lanner
#อานนท์นำภา
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...