คำสำคัญ: กวี

สู่นิรันดร์

เล่ากันว่า ณ อดีตอันไกลโพ้น เมื่อลมหายใจของใครคนหนึ่งหยุดลง ผู้มีชีวิตอยู่ได้นำร่างของเขาไปฝัง แต่ที่นี่..บนแผ่นดินริมสายน้ำ บ้านเกิดของทหารพระเจ้าตากสิน พ่อค้าวัวต่าง-ม้าต่าง, ผู้เดินทางไกล แรงงานเร่ร่อนบนแพซุงจากล้านนา ชาวนา ชาวไร่  ชาวสวน แม่ค้าหมู และฉัน, ผู้เติบใหญ่ ไม่มีใครเคยเห็นอะไรเช่นนั้น ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง พ่อ, ผู้เป็นที่รัก ผู้วายชนม์เหล่านี้.. ล้วนจากเราไปด้วยการเผา เราเฉลิมฉลอง-อำลาอาลัย ที่วัดเชิงดอยกลางหมู่บ้าน แต่เราจะลากจูงกล่องสีขาว ซึ่งเก็บร่างเย็นชืดของพวกเขา ไปยังอีกวัดหนึ่ง...ไกลออกไป บนถนนเส้นเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ปู่ ย่า...

ชายแดนที่(ถูกทำ)ให้เงียบงัน

ชายแดนแห่งนี้มีเรื่องเล่าของตัวเองไหมความฝันงอกงามอยู่ที่ใดบ้างเด็ก ๆ พูดจาด้วยภาษาอะไรคนหนุ่มสาวยังชูธงสันติภาพพลิ้วไหวอีกไหมวงสนทนาน้ำชายามเช้ายังอยู่ดีหรือเปล่า ชายแดนแห่งนี้มีเรื่องเล่าของตัวเอง – แต่ไม่ได้เล่าความฝันงอกงาม – แต่ถูกซ่อนไว้ในถ้ำเด็ก ๆ พูดจาด้วยภาษาไทยคนหนุ่มสาวยังชูธง – แต่ลดน้อยลงกว่าเก่าวงสนทนาน้ำชายามเช้ายังอยู่ดี – แต่ไม่มีใครถกถึงอิสรภาพอีก คนเล่าเรื่องหายไปคนปลูกความฝันหายไปเด็ก ๆ ปิดปากคนหนุ่มสาวทิ้งธงลงแม่น้ำชายแดนแห่งนี้จึงค่อย ๆ เงียบงัน ผู้ประพันธ์:...

เราไม่ได้เป็นเจ้าของแสงสว่างร่วมกันหรอกเหรอ

เข้าใจว่า “อากาศ แม่น้ำ แสงแดด และไฟสว่าง” ในดินแดนแห่งนี้ เป็นของเราร่วมกัน หากฉัน เพื่อน หรือใครสักคน โดยไม่จำกัดฐานะชนชั้น เปล่งวาจาขึ้นกลางลานสาธารณะ ว่าวันนี้อากาศที่สูดดมช่างเลวร้าย เพราะป่าที่นั่นมอดไหม้ สวนข้าวโพดที่โน่นถูกเผา หรือเพราะไอเสียจากรถยนต์ และโรงงานนั่นโรงงานนี่ จะมีใครตวาดให้เราหยุดพล่าม และมัดมือมัดเท้าเราด้วยโซ่ตรวนแห่งเงินตรา เช่นที่กระทำกับเพื่อนหลายคนก่อนหน้าไหม หากประกาศกล้าต่อหน้าธารกำนัล ว่าค่าไฟฟ้าเดือนนี้แพงจนจ่ายไม่ไหว หรือแม่น้ำที่เคยอาบ เคยใช้ กำลังแห้งเหือดเพราะเขื่อนสักแห่ง จะมีใครเอาคุกตารางมาขู่ให้เราเงียบนิ่ง เช่นที่เพื่อนหลายคนก่อนหน้าเคยถูกกำราบไหม ฉันเคยถูกสอนว่าทรัพยากรในดินแดนนี้เป็นของเราร่วมกัน แต่เมื่อไม่อาจเปล่งถ้อยคำถึงของของตนได้ จึงเริ่มไม่แน่ใจว่าบางสิ่ง บางอย่าง  ถูกจัดสรรให้เป็นของพิเศษเฉพาะใครบางคนหรือเปล่า  จึงถามอีกครั้งต่อสิ่งซึ่งคั่งค้างในความคิดความเชื่อ “เราไม่ได้เป็นเจ้าของอากาศและแสงสว่างร่วมกันหรอกเหรอ”  ผู้ประพันธ์: อติรุจ ดือเระพิสูจน์อักษร: ฮาฟีซีน นะดารานิง และกูอิลยัส สุดทองคง ชุดบทกวีเพื่อตีแผ่และต่อต้านการฟ้องปิดปาก/การจำกัดเสรีภาพการแสดงออก ซีรีส์-บทกวีถ่ายทอดประสบการณ์-การถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจํานวน 1 ชุด (ประกอบด้วยบทกวี 7 ชิ้น) ภายใต้แนวคิด...

การต่อสู้ของฝูงนกแห่งน้ำอูน

เสียงรถไถเสียงเครื่องเลื่อยเสียงต้นไม้ล้มราบดินร่ำไห้ปลุกนกแห่งน้ำอูนให้ตื่นรวมฝูงและโผบินสู่สถานตัดสินความเป็นธรรมเพื่อท้วงถามถึงอนาคตแห่งผืนป่าเพื่อยุติการทลายปอดแห่งหมู่บ้าน แต่อำนาจอันเถื่อนถ้ำสอยนกแห่งน้ำอูนตกลงทีละตัวแล้ววิ่งมาเย็บปากด้วยเครื่องจักรทันสมัยซึ่งพวกเขาอ้างว่าจะนำพาความเจริญงอกงามสู่หมู่บ้านแต่ไม่มีนกตัวใดเห็นด้วยไม่มีนกตัวใดยิ้มรื่น แม้บั้นปลายเครื่องพันธนาการจะถูกปลดออกแต่นกแห่งน้ำอูนก็เจ็บปวดเกินกว่าจะกล้ำกลืนลืมเลือนไป ผู้ประพันธ์: อติรุจ ดือเระพิสูจน์อักษร: ฮาฟีซีน นะดารานิง และกูอิลยัส สุดทองคง ชุดบทกวีเพื่อตีแผ่และต่อต้านการฟ้องปิดปาก/การจำกัดเสรีภาพการแสดงออก ซีรีส์-บทกวีถ่ายทอดประสบการณ์-การถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจํานวน 1 ชุด (ประกอบด้วยบทกวี 7 ชิ้น) ภายใต้แนวคิด “เสียงหายในเงามืด” โดยถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ถูกละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกจํานวน 7 กรณี...

Top Secret – ลับสุดยอดอย่า(หาญ)บอกใคร

“ความลับของบ้านเมือง”ซุกซ่อนไว้ในหลุมลึกผนึกด้วยอิฐปูนเจ็ดชั้นไม่ให้ใครรู้ ไม่ให้ใครเห็นแต่ลืมไปว่าทุกความลับนั้นมีกลิ่นไม่ไวก็ช้าสักวันจะโชยคลุ้ง คนที่นิยมความโปร่งใสซึ่งมีต่อมสำนึกที่ไวต่อกลิ่นเดินตามหาจนเจอลงเรี่ยวแรงกะเทาะอิฐปูนขุดคุ้ยและพบสิ่งอันผิดปกติที่คนอื่น ๆ ในบ้านเมืองเดียวกันต้องรู้ที่เกี่ยวกับอิสรภาพและเสรีภาพจึงเก็บกวาดออกมาวางกองกลางลานสาธารณะให้คนทุกคนซึ่งมีสิทธิ์รับรู้แต่ต้นมายืนมุงดู ไม่นานนักผู้อ้างว่าพิทักษ์รักษาความสงบก็โผล่มาขับไล่มวลชนจนกระเจิงหนีตบปากนักนิยมความโปร่งใสด้วยกุญแจมือหนึ่งทีแล้วขึ้นเสียงขู่เข็ญให้เขานิ่งเงียบ นักนิยมฯ ขัดขืนถามขึ้นว่า “ฉันผิดอย่างไร”ผู้พิทักษ์ฯ ตอบพลัน“แกทำลายความปลอดภัยของประเทศ”นักนิยมฯ ยังไม่หยุด“ความปลอดภัยแบบใด”ผู้พิทักษ์ฯ เงียบนิ่งเอามือปิดปากนักนิยมฯให้เงียบตาม ผู้ประพันธ์: อติรุจ ดือเระพิสูจน์อักษร: ฮาฟีซีน นะดารานิง และกูอิลยัส สุดทองคง ชุดบทกวีเพื่อตีแผ่และต่อต้านการฟ้องปิดปาก/การจำกัดเสรีภาพการแสดงออก ซีรีส์-บทกวีถ่ายทอดประสบการณ์-การถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจํานวน 1 ชุด...

คำร้องขอของฉลาม

เขาแค่บอกให้เรารักษ์ฉลาม แค่ห่วงถึงการสูญพันธุ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอีกสิบปี ยี่สิบปี ทะเลกว้างใหญ่อาจไร้สัตว์อัศจรรย์ชนิดนี้ เขาแค่บอกให้คุณหยุดจับฉลาม แค่ห่วงว่าเงินที่คุณได้ไม่คุ้มกับความเดือดร้อนของโลก ซึ่งอีกสิบปี ยี่สิบปี คนรุ่นถัดจากเราอาจไม่ได้เห็นสัตว์อัศจรรย์ชนิดนี้อีก เขาแค่พูดความจริงเกี่ยวกับฉลาม แต่คุณกลับยืนกรานว่านั่นเป็นการดูหมิ่นถิ่นแคลน จึงร้องให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ จับเขามาไว้ในกรงขัง นั่นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่ ถ้าฉลามพูดได้ มันคงตะโกนก้องมาจากมหาสมุทรคลื่นคราม ว่า “ได้โปรดปล่อยเขาเป็นอิสระ เพราะเขากำลังปกป้องฉัน ปกป้องโลกที่คุณกำลังทำลายล้าง” ผู้ประพันธ์: อติรุจ ดือเระ  พิสูจน์อักษร: ฮาฟีซีน นะดารานิง และกูอิลยัส สุดทองคง ชุดบทกวีเพื่อตีแผ่และต่อต้านการฟ้องปิดปาก/การจำกัดเสรีภาพการแสดงออก  ซีรีส์-บทกวีถ่ายทอดประสบการณ์-การถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจํานวน 1 ชุด (ประกอบด้วยบทกวี 7 ชิ้น) ภายใต้แนวคิด “เสียงหายในเงามืด”...

45 กิโลเมตรแห่งความเหนื่อยหน่าย

กี่เช้าแล้วที่ควรจะเป็นเช้าชื่นกลับกลายเป็นเช้าเศร้าที่ต้องฝืนหัวใจเสียงร้องจากศาลปลุกเธอให้ตื่นความครื้นเครงแห่งวันก็เงียบงันลง 45 กิโลเมตร ทางจากบ้านไปศาลไม่มีท้องฟ้าวันใดแจ่มใสหม่นมืด อุดอู้ และหนักอึ้งกับภาระประหลาดที่เธอไม่ควรต้องแบกรับ 45 กิโลเมตร แห่งความเหนื่อยหน่ายสูญเสียทรัพย์ เวลา และความรู้สึกจิตใจภายในแทบแตกพังหัวเสียกับการกล่าวหาซ้ำ ๆ ไร้ความรับผิด 2 ชั่วโมง ที่ยาวนานคือการเดินทางเพื่อยืนยันเสรีภาพเสรีภาพแห่งวาจาที่มีมาแต่กำเนิดคือการเดินทางเพื่อตอบโต้ความอธรรมความอธรรมที่เพิ่งจะเกิดเพื่อระรานสิทธิเสรี ยังดีที่โลกไม่ได้โหดร้ายเกินกว่าจะรับตลอดเส้นทาง 45 กิโลเมตร ยังมีเพื่อนเคียงข้างช่วยเหลือและตะโกนให้กำลังใจตลอดการฮึดสู้ จึงยังมีพลังจนแสงสว่างแห่งชัยชนะเรื่อขึ้นที่ขอบฟ้าความปกติแห่งชีวิตจึงกลับมาสู่เธอ...

ความไม่สมบูรณ์แห่งอาชีพ

ฉันเป็นนักข่าว เสรีภาพคือจิตวิญญาณ ซึ่งหล่อเลี้ยงและอำนวย ให้ฉันเป็นนักข่าวได้อย่างสมบูรณ์ โดยพื้นฐาน คุณก็รู้ ว่าฉันต้องมีปีก เพื่อโผบินไปที่ที่ความดีงอกงาม หรือที่ที่ความระยำต่ำช้าปกคลุม คุณก็รู้ ว่าฉันต้องมีปาก เพื่อกล่าวถึงโลกดี-ชั่ว ที่พบเห็น ให้สิ่งมีชีวิตอื่นรับทราบ คุณก็รู้ ว่าฉันต้องการต้นไม้ไว้สำหรับสลักข้อความ เพื่อเตือนคนที่ผ่านมา ให้ปลีกห่างจากเส้นทางอันตราย คุณรู้ถึงความจำเป็นในชีวิตฉันอย่างดี แต่ก็ตัดปีกและปิดปากฉัน ราวกับว่าไม่ได้แยแสอาชีพที่ฉันรักเลยสักนิด ซ้ำร้ายยังโค่นต้นไม้ล้มพับ จนแทบไม่มีพื้นที่ให้สลักความจริง ความคิด และความฝันที่ฉันมีต่อโลกของเรา นี่คือภาวะไร้เสรีภาพ ที่กีดกันฉัน ไม่ให้เป็นนักข่าวได้อย่างสมบูรณ์ ผู้ประพันธ์: อติรุจ ดือเระ  พิสูจน์อักษร: ฮาฟีซีน นะดารานิง และกูอิลยัส สุดทองคง ชุดบทกวีเพื่อตีแผ่และต่อต้านการฟ้องปิดปาก/การจำกัดเสรีภาพการแสดงออก  ซีรีส์-บทกวีถ่ายทอดประสบการณ์-การถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจํานวน 1 ชุด (ประกอบด้วยบทกวี 7 ชิ้น) ภายใต้แนวคิด “เสียงหายในเงามืด”...

ถึงเวลานิรโทษกรรมประชาชน ถึงเวลาให้บทกวีเคลื่อนไป ปลดปล่อยประชาชน

“ถึงเวลาให้บทกวีได้ทำหน้าที่ ด้วยหัวใจเสรี ปลดปล่อยประชาชน” 12 กุมภาพันธ์ 2567 คณะก่อการล้านนาใหม่ (NEO LANNA) กลุ่มสนับสนุนสังคมประชาธิปไตยที่เป็นธรรมและเท่าเทียม (KNACK) และสำนักข่าว Lanner จัดกิจกรรม “ในนามของความรัก วาระนิรโทษกรรม กวีปลดปล่อยประชาชน” ตั้งแต่เวลา...